สัปดาห์นี้ผมเดินทางไปอบรมเรื่อง การจัดการเงิน ที่จังหวัดเชียงใหม่ ครับ ไปไกลถึงภาคเหนือ ใช้เวลา 3 วัน คือ ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ การไปครั้งนี้ แพลนไม่นาน รู้ว่ามีอบรมเราก็เลือก ตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก ปุบปับก็ไปเลย ภรรยาผมเป็นคนจัดการทุกอย่าง 555+
วันออกเดินทางเราไปวันศุกร์เที่ยง ใช้เวลาเดินทางจากขอนแก่นประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงเชียงใหม่ เดี๋ยวนี้การเดินทางเร็วและถูกมากครับ วงเล็บเฉพาะช่วงไม่ใช่ high season นะครับ
จุดประสงค์หลักของการไปครั้งนี้ คือ อบรมเรื่อง “การจัดการเงิน” และ “อสังหาริมทรัพย์” กับโค้ช จักรพงษ์ หรือ พี่หนุ่ม Money Coach ถือว่าเป็นคนที่สอนเรื่องการจัดการเงินที่เราสองสามีภรรยาติดตามมาได้สักระยะแล้ว ชอบแนวคิดการใช้จ่ายเงิน และผมก็ติดตาม podcast ของพี่หนุ่มมาบ้างด้วย ที่สำคัญพี่หนุ่มเป็นคนพูดเรื่องเงินได้รู้เรื่องมากๆ ทำให้ตัดสินใจไปสัมมนาครั้งนี้
ความจริงแล้ว ช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเดินทางไปอบรมทั้งสามสัปดาห์ติดกันรวดเลย สัปดาห์แรกไปเรื่องการเขียนคอนเท้นต์ สัปดาห์ที่สอง อบรมคูปองครู และสัปดาห์นี้ ก็เป็นเรื่องการเงิน
เมื่อเดินทางถึงเชียงใหม่ เราเข้าพักที่อพาทเม้นท์ให้เช่า ชื่อ Jade Tower ห้องละประมาณ 600 บาทต่อคืน ห้องก็โอเคครับ แต่ไม่มีอาหารเช้านะราคานี้
หลังจาก check in เสร็จ เราก็ออกมาหาอาหารกิน เราค้น wongnai ก็พบร้านชื่อว่า นกแล ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เขาแนะนำเมนู ข้าวขาหมู กินแล้วอร่อยมากครับ อีกอย่างเราสั่ง มังกรลุยไฟ มากิน จะเป็นแบบว่าคล้ายๆ คลุกคลิกกระดูกอ่อนในน้ำต้มยำสีแดงๆ เนื้อหมูติดกระดูกแบบว่า แซบจริง อร่อยไม่อร่อยดูภาพดาราติดเต็มร้านเป็นเครื่องการันตีได้ เพราะร้านที่ดังๆ เขาก็ทำแบบนี้แหละครับ แวะไปชิมกันได้ แถวๆ ถนนช้างคลาน
หลังจากที่กินเตี๋ยวแล้ว ก็มองหาร้านกาแฟอร่อยๆ จาก wongnai อีกแล้วครับ ไปไหนมาไหน ไม่ค่อยชอบถามคน อยากกินของอร่อยก็ต้องพึ่ง wongnai นี่แหละครับ เชื่อถือได้ประมาณหนึ่งเลยละ
เราได้ร้านกาแฟ ร้านหนึ่ง ชื่อ Nakara Jardin เห็นเป็นรูปสวน น่านั่ง เราก็เลยตัดสินใจจะไปร้านนั้น ระหว่างทางที่เดินไป ฝนตกอย่างหนักครับ ทำให้เราต้องหยุดพักใต้ชายคาริมถนน หลังจากฝนหยุดตกเราเหลือบไปเห็นร้านกาแฟอยู่ร้านหนึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามพอดี ตัดสินใจเข้าไปในร้านนั้น ชื่อ ร้านเฌย (Choei) เป็นร้านคาเฟ่ อาหาร เบเกอรี่ กาแฟ ไอติม เราสั่งกาแฟ และไอติมมาชิม ก็โอเคครับ แต่คาปู อาจจะหวานไปนิดหนึ่ง เราเป็นคนชอบไม่หวานอยู่แล้ว แต่อยากจะกินออริจินัลของร้านก็เลยไม่ได้สั่งพิเศษว่าไม่หวาน
เรามองเห็นว่าชั้นสองของร้านกาแฟ มีส่วนที่เป็น co-working space อยู่ เลยลองใช้บริการดู ค่าบริการถูกมาก ถ้าสั่งกาแฟหรือเครื่องดื่ม ชั่วโมงแรกฟรีเลย ชั่วโมงถัดไป แค่ 19 บาท/ชั่วโมง พบว่าเมื่อขึ้นไปด้านบน ยังไม่มีลูกค้าเลย แต่เขาเปิดแอร์ไว้แล้ว ก็คิดไปอีกว่า เขาจะคุ้มไหมกับ co-working space ที่ไม่มีลูกค้าเลย และเก็บถูกมากๆ แสดงว่า ยังไม่เป็นที่นิยมนักในละแวกนี้
แต่ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า ต่อไปอีกไม่นาน co-working space จะนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะขาดทุนในช่วงแรกก็เถอะ แต่คนยุคใหม่ นิยมจะทำงานนอกสถานที่แบบนี้จะมากขึ้นเรื่อยๆ
ข้างๆโต๊ะเรานั่งทำงาน มีผลงานเกี่ยวกับกระดาษ sheet board ประยุกต์ทำเป็นรูปต่างๆ เช่น ชั้นหนังสือ บ้านแมว ที่วางของ และอื่นๆ อีกหลายรูปแบบ คล้ายกับกระดาษแข็งซ้อนทับกันหลายๆชิ้น เป็นไอเดียที่ดีมาก เราเห็นโบว์ชัวร์วางอยู่ ผมก็เลยเอามาดู และเข้าไปกด like ให้ในเพจของเขา ชื่อว่า cpdidea เป็นบริษัททำพวกนี้โดยเฉพาะ ตั้งอยู่ในเชียงใหม่นี่เอง
หลังจากที่นั่งทำงานให้ลูกค้าสักพัก เกือบค่ำแล้ว ภรรยาของผมก็หาที่เที่ยว ได้สวนสัตว์ เราเดินไปหารถเพื่อไปสวนสัตว์ พบรถสีแดง เป็นรถเช่า คล้ายสองแถวบ้านเรา แต่จะขับไปตามที่ต่างๆ แล้วแต่คนเหมา นั่นคือ ไม่มีสถานี เป็นหลักแหล่ง คนนั่งอยากไปไหนเขาก็พาไป ราคาแล้วแต่จะตกลงกัน เขียนไว้ข้างรถว่า คนละ 30 บาท เราถามว่าจะไปสวนสัตว์ เขาบอก “ไม่ไป” เพราะค่ำแล้ว
ความพยายามของเราไม่หยุดแค่นั้นครับ ภรรยาของผมบอกว่า เป็นไนท์ซาฟารี นั่นคือ เป็นการดูสัตว์กลางคืน ยังไงไปตอนนี้ก็ยังทัน โดยที่เราไม่รู้มาก่อนว่า สวนสัตว์ มันมีสองที่ ตอนกลางวันที่หนึ่งมันปิดแล้ว ส่วนตอนกลางคืนต้องไปอีกที่ ไกลกว่าเดิม
เราเรียกใช้บริการที่เรียกว่า Grab Taxi ผ่านแอปมือถือ ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เราลองใช้บริการแบบใหม่นี้ เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน เพราะเห็นเขาใช้กันมานานสักพักแล้วละ แต่เรายังไม่เคยเลย ก็ลองดู หลังจากติดตั้ง แอปแล้ว รอสักพัก บนมือถือ มันจะเลือกคนขับให้เรา แล้วรอประมาณ 7 นาที เห็นสถานะในแผนที่บนมือถือเลยว่า เขากำลังขับรถมาหาเรา แล้วมาจอดที่เรายืนอยู่พอดี
พวกเราถามคนขับว่ามาขับ Grab ได้อย่างไร ขับเสริมงานประจำใช่ไหม มีปัญหาอะไรรึเปล่า และถ้าหากจะขับเราต้องทำอย่างไร
คนขับอัธยาศัยดีมากๆ เขาเป็นชายหนุ่มที่กำลังรอสอบ กพ. อยู่ ช่วงนี้อ่านหนังสือรอสอบก็มาขับ grab แต่เขาบอกว่า พวกขับ grab ที่นี่จะมีปัญหากับพวกขับสองแถวสีแดงกันมาก เพราะดูเหมือนจะไปแย่งลูกค้าของเขา และดูท่าว่าราคา grab จะถูกกว่ารถแดง แต่พวกเขาต้องขับต้องหลบๆ ซ่อนๆ ขับ เอา
สิ่งที่เป็นปัญหากับสองแถวแดง คือ เรื่องราคา เพราะถ้าหากนั่งสองแถวแดงราคาจะสูงกว่า grab บางครั้งสูงกว่าสองถึงสามเท่าตัว ทำให้คนเลือก Grab มากกว่า เพราะเห็นเป็นทางเลือกที่ดีกว่านั่นเอง
เมื่อไปถึงสวนสัตว์ เขาไปส่งเราถึงที่ซื้อตั๋วเลย ซื้อตั๊วได้ในราคาคนละ 300 บาท แล้วก็เข้าไปชมสวนสัตว์ ตอนนั้นกำลังจะพลบค่ำแล้ว แต่คนยังเยอะมาก โดยเฉพาะคนจีน เกือบ 90% ของคนที่มาเที่ยวในสวนสัตย์เป็นคนจีนทั้งหมด อีก 5% เป็นคนชาติอื่นๆ และ 5% สุดท้ายเป็นคนไทยเราเองครับ
ในนั้นจะเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ และมีป่าทึบล้อมรอบ บริเวณรอบจะมีสัตว์นานาชนิดให้ดู เราเดินรอบสระเพื่อดูสัตว์ต่างๆ และนั่งรถรางเพื่อไปชมสัตว์กลางคืน มีสองฝั่ง คือ ฝั่งนักล่า จะมีพวก เสือ จระเข้ หมาป่า หมาจิ้งจอก และไปนั่งอีกฝั่งจะเป็นพวก เลียงผา ม้าลาย ช้าง กวาง กระทิง วัว นกกระจอกเทศ และสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย
เราเพลิดเพลินไปกับการรับชมสัตว์ต่างๆ ซึ่งเรานั่งบนรถที่บรรยายเป็นภาษาอังกฤษและจีน ก็ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง ถือว่าเป็นการฝึกทักษะทางภาษาไปในตัว
หลังจากชมสัตว์กลางคืนเป็นรอบสุดท้ายแล้ว เขาก็เริ่มเก็บข้าวของแล้ว เราก็ออกจากสวนสัตว์ประมาณ 3 ทุ่ม แล้วก็เรียก grab มารับเรากลับ ระหว่างทางก็ถามไถ่กับคนขับสนุกสนานอีกเช่นเดิม
วันแรก เราเข้าอบรมเกี่ยวกับเรื่อง เงิน กับ โค้ช เราไม่ผิดหวังเลยที่อุตส่าห์นั่งเครื่องมาอบรมถึงเชียงใหม่ โค้ชได้เปลี่ยน mindset เปลี่ยนความคิดของเราในเรื่องเงินหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการมองไปยังอนาคต และการจัดการเกี่ยวกับเงินของเรา เช่น เรื่องการออม เรื่องการเลือกลงทุน และเรื่อง อื่นๆ อีก พูดบรรยายจากผู้มีประสบการณ์จริงๆ พูดคนเดียวทั้งวันแบบไม่เหนื่อยเลย มีพลังมาก สุดยอดมากจริงๆ
ตอนเย็นเราไปเดิน ถนนคนเดินวัวลาย โดยไปรถแดงครับ คนละ 30 บาท ไปสองคน รวมเป็น 60 บาทพอดี ไปเดินคนเยอะมากๆ โดยเฉพาะคนจีนครับ เดินเต็มถนน และคนแน่นมากๆ เราไปหาของกินที่นั้น ได้ข้าวซอยมากิน ถือเป็นอาหารของเชียงใหม่ ไปถึงขนาดนั้นไม่กินคงไม่ได้ เราก็เลยลองกินดู ก็อร่อยครับ มันคล้ายๆ หมี่กรอบบ้านเรา ใส่กะทิอะไรประมาณนี้ ไม่เห็นมีข้าวเลย คิดในใจนะ แต่ก็รสชาดอร่อยดี
เราเดินไปเรื่อยๆ ไกลมาก มารู้ทีหลังว่า 3 กิโลเมตร เดินจนขาลากไปเลย จนมาพบกับวัดศรีสุพรรณ กำลังจัดงานให้คนเข้าไปเวียนเทียน เราก็เลยได้โอกาสเข้าไปเวียนเทียนที่วัดนี้ โบสถ์สวยมากเป็นเงินทั้งหลังเลย แล้วเราก็เดินออกมาทะลุถนน ถามตุ๊กๆ ให้ไปส่ง เขาคิด 150 บาท แต่เรียก grab คิดแค่ 70 บาท เราก็เลยเรียกใช้ grab อีกครั้ง เดินทางกลับไปพักผ่อน
สำหรับวันที่สองนี้ ก็เป็นเรื่องการเงินเหมือนเดิมครับ โค้ชไม่ได้มาแก้หนี้ให้เราหรอกนะครับ แต่โค้ชบอกวิธีดูเรื่องพวกงบการเงิน ให้เราดูสถานะการเงินของตัวเองให้เป็น และแนะนำช่องทางอะไรบ้างที่เป็นไปได้ที่เราจะแก้หนี้ และมีเงินออมเพื่อไปลงทุน จะเลือกลงทุนอย่างไรบ้างเพื่อให้ตัวเองมีความมั่งคั่ง ถือว่า 2 วันที่มาที่นี่ คุ้มแล้วครับ
ในการสัมมนาครั้งนี้ เป็นเรื่องบังเอิญมากที่เราได้พบกับเจ้าของร้านกาแฟ เฌย และฝ่ายการตลาด cpdidea ที่เราไปนั่ง co-working space เมื่อวาน เจ้าของร้านกาแฟก็ไปอบรมด้วยเช่นกันครับ แสดงว่าคนพวกนี้เขาต้องการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาเช่นกันครับ
นอกจากนี้ โค้ดก็มีประสบการณ์ต่างๆ มาเล่าให้ฟังอีกเยอะมาก นั่งฟังไปเรื่อยๆ โค้ดแกพูดคนเดียวแต่คนไม่ง่วงเลยครับ มีโทนเสียงสูง ต่ำ และมีมุกฮาๆ แทรกตลอดการพูดและมีแง่คิดต่างๆ ที่เราแทบจะจดไม่ทันเลยทีเดียว
วันที่สองนี้เราต้องกลับก่อน ในช่วงบ่ายสองโมง หลังจากเบรกแล้ว เราก็ออกจากโรงแรม และเรียก Grab ไปยังสนามบินเพื่อเดินทางกลับขอนแก่น
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการสัมมนาครั้งนี้
- mind set เกี่ยวกับเรื่อง การจัดการเงิน ต้องกลับไปทำงบการเงินใหม่ ทั้งส่วนตัวและธุรกิจที่ทำอยู่
- ต้องไปเปิดบัญชีให้กับธุรกิจ เพราะจะได้จัดการงบง่ายๆ ขึ้น
- ประสบการณ์นั่ง Grab Taxi
- ความรู้เรื่องหุ้นต่างๆ และการเลือกหุ้น
- การจัดการ และวางแผนเรื่องการเงิน ไปจนถึงเกษียณ
- แนวทางเรื่องอสังหาริมทรัพย์
Discover more from KruJakkrapong 's Blog
Subscribe to get the latest posts sent to your email.