วันเสาร์ที่ผ่านมาผมไปงานแต่งงานของเพื่อนครับ เจ้าสาวเป็นเพื่อนผมตอนสมัยเรียน ม.ต้น และ ม.ปลาย โรงเรียนเดียวกัน
ช่วง ม.ปลาย จะสนิทกว่า เพราะถือว่าอยู่ในก๊วนเดียวกัน หรือ แก็งเดียวกันนั่นเอง
การไปงานแต่ง เราจะสังเกตเห็นกลุ่มเพื่อนๆ ของเจ้าบ่าว และเจ้าสาวครับ
อย่างไปงานแต่งครั้งนี้ ผมก็จะไปนั่งโต๊ะเพื่อนเจ้าสาว สมัยเรียน ม.ต้น ม.ปลาย
เวลาถ่ายรูปก็จะมีเพื่อนตอนสมัย เรียนประถม ของเจ้าบ่าวเจ้าสาว แต่ครั้งนี้ไม่แน่ใจ เพราะห่างนานแล้ว อาจจะไม่มีคนไปแล้วก็ได้
มีเพื่อนสมัยเรียนมัธยม
มีเพื่อนสมัยเรียนมหาลัย
แต่ละกลุ่มก็ตั้งใจมาซึ่งเพื่อนสมัยมหาลัยครั้งนี้มาจากกรุงเทพเลยทีเดียว มาช่วยเจ้าสาวจัดสถานที่ด้วย
การจัดงานฉลองสมรสครั้งนี้ จัดที่สถานีอนามัยในหมู่บ้านครับ ทำแบบเรียบง่ายๆ มีกองฟาง มีจักรยาน มีผ้าแพรผูกประดับแบบเรียบๆ ง่ายๆ เลย
การจัดงานแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะผมว่า ไม่ต้องลงทุนเกี่ยวกับสถานที่ให้มากนัก อาจจะเสียค่าโต๊ะจีนหน่อย แต่บางงานต้องหมดไปกับช่างภาพ กับสถานที่นี่หมดเยอะเหมือนกันนะ
งานนี้ช่างภาพก็กันเองเป็นเพื่อนๆ กันช่วยกันถ่ายแบบมือถือบ้าง กล้องที่ติดตัวมาบ้าง ก็น่ารักไปอีกแบบ ไม่ต้องมีช่างกล้องมืออาชีพ
ฝ่ายเจ้าบ่าวนั้น ผมเพิ่งไปรู้จักตอนงานเลย เห็นบอกว่าคบกันมาประมาณ 3 ปีแล้ว แต่เจ้าสาวไม่ได้เปิดเผยอะไรมาก อยู่ๆมันก็ขึ้นสถานะว่าจะแต่งงาน ซึ่งเพื่อนๆ ในเฟสก็อึ้งเหมือนกัน (ฮา)
เป็นฝั่งเป็นฝาไปอีกคนครับ ในวัย 30 ต้นๆ ก็คงจะรีบมีตัวน้อยแล้วแหละมั้ง
ผมกลับบ้านครั้งนี้หลังจากงานเสร็จก็เลยแวะกลับไปนอนบ้านพ่อกับแม่ครับ ซึ่งผมทำงานอยู่อีกที่หนึ่ง นานๆ จะได้กลับไปบ้านสักที
ในระหว่างขับรถกลับบ้าน เป็นทางเส้นเดิมที่เคยเดินทางไปกลับโรงเรียนทุกวัน แล้วทำให้คิดถึงตอนสมัยเรียนขึ้นมาแบบจับใจเลย
ที่นี่เคยเป็นร้านเกมที่เคยเล่น ที่นี่เคยเป็นศาลาพักสำหรับรอรถกลับบ้าน ร้านเครื่องเขียนร้านนี้เราเคยเข้าประจำ วินมอไซต์ตรงนี้ที่ที่เราเคยมาใช้บริการ และอื่นๆ อีกมาก สมัยนั้นก็คลุกคลีอยู่ที่นี่หลายปีเหมือนกัน ก่อนที่จะไปมหาลัย แล้วไปทำงานอีกเกือบ 10 ปี กลับมาที่นี่อีก ที่แห่งเดิม
หลังจากกลับถึงบ้านแล้วก็นอนเลย เพราะเพลียขับรถมาทั้งวันเลย
ตื่นเช้า ก็ได้พบกับ อาหารที่แม่ทำให้กินเหมือนเช่นเดิมเมื่อตอนเด็กๆ กับข้าวที่แม่ทำอร่อยทุกมื้อจริงๆ พิเศษสุดเมื่อวานแม่ทำข้าวหลามไว้ให้เต็มเลย สำหรับเอาไปฝากเพื่อนๆที่ทำงาน
นอกจากข้าวหลามที่ทำแล้ว ยังมีผักคะน้าที่แม่ผมปลูกเอง ผักกาดจ้อน แม้แต่ปลาร้าเป็นตัวๆ ขนมขบเคี้ยว กล้วยทอด กล้วยสุก ตอนกลับแทบขนไปไม่หมด เพราะเต็มทั้งกระโปรงหลังรถและในรถเลย
แม่มีแปลงผักสวนครัวประมาณ 5 แปลงปลูกผักต่างๆ เหลือกินแกก็เก็บขายในหมู่บ้าน ได้ครั้งละ 1-200 บาทเลยทีเดียว
ผมถามแม่ว่า ต้องดูแลมันอย่างไร แม่ตอบ ต้องตื่นตี 4 มา รดน้ำ ซึ่งต้องตักใส่บัวรดน้ำเดินรดไปจนทั่วทุกแปลง ประมาณ 1 ชั่วโมง จาก ตี 5-6 โมงเช้า ก็ต้องใช้ไฟฉายส่องเก็บผักเพื่อมัดไปขายในร้านค้าของหมู่บ้าน
ผมฟังแล้ว จากแต่ก่อนคงคิดว่า ทำไมแม่เราลำบากจัง แต่ครั้งนี้ผมกลับชมแม่ว่า
สุดยอดแล้วแม่ แม่ตื่นเช้า ได้ออกกำลังกายทุกเช้าแบบนี้ ได้เดินรดน้ำผัก ได้เก็บผัก นั่นเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุด นอกจากร่างกายแม่จะแข็งแรงแล้ว แม่ยังได้เงินอีกด้วย นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่แม่ผมไม่ได้เจ็บป่วย และไม่มีโรคอะไรเลยดูแข็งแรงมาก
ไปคราวนี้ผมได้สอนแม่เล่นไลน์ด้วย หลังจากติดตั้งเสร็จก็ให้แกถ่ายรูปทดลองส่ง ทดลองพิมพ์ข้อความ แต่แกพิมพ์ไม่เป็นหรอกครับ เลยสอนแค่การคลิกส่งสติ๊กเกอร์ และการเปิดดูว่าถ้าคนที่เราส่งไปให้อ่านแล้ว มันจะขึ้นข้อความแบบไหน
หลังจากกินข้าวเที่ยงแล้วก็เดินทางกลับขอนแก่นครับ มาทำงานที่เดิมของเราต่อไป
บ้าน ก็คือ บ้าน ทุกครั้งที่กลับ รู้สึกได้เติมพลังกลับมาเต็มที่
หลังจากที่โทรบอกว่ากลับถึงแล้วนะ ก็เลยทดลองส่งไลน์ไปดู แต่ถึงตอนนี้ แม่ยังไม่อ่านเลยครับ (ฮา)
Discover more from KruJakkrapong 's Blog
Subscribe to get the latest posts sent to your email.