วันที่ 13 กันยายน 2557 ผมเดินเข้าไปหาเลือกซื้อหนังสือในศูนย์หนังสือของมหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี ขณะนั้นผมกำลังเรียนอยู่ปริญญาโทเพิ่มกลางๆเทอม ผมสะดุดตาหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อบนปกหนังสือ “หนังสือสมองปิ๊ง Writing Revolution” แต่ทว่ามันเปิดอ่านไม่ได้เพราะซีลด้วยพลาสติกห่อเอาไว้อย่างหนาแน่น หนังสือนี้ถูกเขียนโดย นพ.คะวะชิมะ ริวตะ และแปลโดยคุณ ณัชร สยามมาลา ผมมารู้ทีหลังว่าท่านนี้คว่ำหวอดในวงการพระพุทธศาสนาพอสมควร และเน้นไปในทางการฝึกสมาธิ ผมตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้ด้วยราคา 330 บาทเพราะคาดหวังว่าต้องมีอะไรดีจากนายแพทย์ท่านนี้แน่ๆ พอเปิดอ่าน นึกว่าจะมีตัวหนังสือทุกหน้า แต่เป็นหน้าว่างๆ เอาไว้ซะงั้น แต่เดี๋ยวก่อน ตรงหน้าแรก หน้าสอง หน้าสาม ยังมีตัวหนังสือจากสำนักพิมพ์ และจากคุณณัทร พอให้อ่านบ้าง ผมจึงไม่รอช้าที่จะอ่านดูว่า จุดประสงค์หนังสือเล่มนี้คืออะไรกันแน่
ผมอ่าน 3-4 หน้าแรกก็เข้าใจทันทีว่า เป้าหมายของหนังสือเล่มนี้คือให้เราเขียนบันทึกทุกวัน อย่าให้ขาด เมื่อเราเขียนทุกวันว่าเราทำอะไร กินอะไร ไปที่ไหน มีความสุขเล็กๆน้อย แต่ละวันอย่างไร ให้เขียนให้หมด แม้ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อยก็ตาม แต่ละหน้าจะมีคำแนะนำ เกร็ดความรู้ของนายแพทย์อยู่ประมาณหน้าละ 2-3 บรรทัดเท่านั้น
ปกติผมเป็นคนไม่ชอบการบันทึกเลย และไม่คิดว่าจะฝึกสมองได้ด้วยการบันทึกอย่างนี้ ไหนๆเราก็ซื้อหนังสือมาตั้ง 330 บาท เอาว่ะ ผมตั้งใจจะเขียนบันทึกตามคุณหมอบอก และแล้วผมก็ทำได้จริง ทุกๆ วันผมจะหาเวลาประมาณ 10-20 นาทีเพื่อจดบันทึกประจำวันส่วนใหญ่เป็นช่วงเย็น ผมจะบันทึกว่าผมทำอะไรบ้างในแต่ละวัน มีความสุขอะไรบ้าง มีความทุกข์กับอะไรบ้าง เจอใครใหม่ๆ กินอะไรใหม่ๆ หรือกำลังวางแผนทำอะไร ทุกเรื่องผมเขียนหมด เป็นการประมวลผลทั้งวัน ทำได้เดือนกว่าๆ ผมก็ชักเริ่มเหนื่อย ผมขาดหายไปบางวัน บางทีสองวันบ้าง แต่ทุกครั้งที่ข้ามวันไป ผมไม่สามารถนึกได้เลยว่าผมทำอะไรในวันก่อนหน้า มันแปลกมากอยู่นะหรือว่าคนเราจดจำสิ่งที่ตัวเองทำได้แค่วันต่อวันนะ…
ผมขาดหายไปบางทีเป็นสัปดาห์ก็มี แต่ก็พยายามมาเขียนใหม่ ทำอย่างนี้เรื่อยๆ จนกระทั่งปัจจุบัน ถึงวันนี้วันที่ผมเขียนบันทึกในบล็อกของผมเพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่ผมทำ จริงๆ แล้วผมไม่ได้นึกมาก่อนว่าจะมาเขียนบล็อกบอกคนว่าผมเขียนบันทึก แต่วันนี้ผมอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า “มีของดีต้องให้คนอื่นขโมย” วันหลังผมจะมาบอกว่าผมได้ไอเดียอะไรจากหนังสือเล่มนี้ ผมได้ไอเดียว่า เราต้องพยายามบอกคนอื่นในสิ่งที่เราทำแล้วเกิดผลดีกับตัวเองซะบ้าง อย่าเก็บไว้คนเดียว เผื่อคนอื่นเอาไปทำแล้วมันเกิดผลดีกับตัวเองบ้างก็น่าจะดี ผมเลยตัดสินใจเขียนบทความในบล็อกตัวเองวันนี้ ก่อนหน้าบล็อกของผมก็ไม่มีอะไร แค่เก็บบทความเรื่อยเปื่อยของผม มีประโยชน์บ้าง ไม่มีบ้าง แต่ผมได้ไอเดียจากหนังสือเล่มนี้แหละครับ เราไม่ต้องสนใจว่าจะมีคนอ่านกี่คน แค่เราเขียนให้มากพอ เดี๋ยวจะมีคนมาอ่านเอง ไอเดียเจ๋งไหมละ ใครอยากรู้ไปหาซื้อเอามาอ่านนะ ของสำหนักพิมพ์วีเลิน ผมว่าช่วงนี้ผมติดหนังสือแนวจิดวิทยาหลายเล่มของสำนักพิมพ์นี้เลยละ
เอาล่ะมาถึงตอนสุดท้ายแล้ว ผมจะสรุปไว้ตรงนี้ว่า หนังสือสมองปิ๊ง ที่ผมเขียนทุกวัน ผมรู้สึกว่าตัวเองมีสมาธิมากขึ้น อาการหลงๆลืมๆ เหมือนแต่ก่อนก็ค่อยลดลง และแต่ละวันผมรู้ว่าผมจะทำอะไรบ้าง ทำแบบมีสมาธิมากขึ้น ผมกล้าคอนเฟิมตรงนี้ว่า มีประโยชน์จริงๆ ไม่งั้นคงไม่เกิดบทความนี้หรอกครับ
สุดท้าย ถ้าใครลองลงมือทำเหมือนผมบ้าง มาแชร์กันหน่อยนะครับว่าทำไปแล้วเห็นผลเหมือนผมไหมครับ
Discover more from KruJakkrapong 's Blog
Subscribe to get the latest posts sent to your email.