ทำไมต้องวิ่ง
ปกติแล้วผมเป็นคนไม่ชอบการวิ่งเอามากๆ นะครับ แต่ปีนี้ผมกลับตัดสินใจลงวิ่งมินิมาราธอนเป็นครั้งแรก ถ้าถามว่าเพราะอะไร อยู่ๆถึงอยากวิ่งขึ้นมา
เท้าความถึงตอนเรียนมหาลัยขอนแก่น งานวิ่งมาราธอนก็ถูกจัดเป็นประจำทุกๆปี แต่ผมกลับไม่วิ่ง เพราะกลัวการวิ่ง วิ่งแล้วเจ็บหน้าอก จุกเสียดทุกที ก็เลยเกลียดการวิ่งที่สุด จำได้ว่าตอนเรียนมัธยมอาจารย์ให้วิ่ง 10 รอบสนามนี่เหนื่อยมากๆเลยครับ
แต่ปีนี้ 2559 ผมเปลี่ยนทัศนคติใหม่กับการวิ่ง ผมอยากวิ่ง เริ่มแรกเลยคือผมเป็นริดสีดวง และภูมิแพ้ เป็นไข้หวัดข้ามปี เวลาอากาศเปลี่ยนผมจะมีน้ำมูก และเมื่อใดก็ตามที่เริ่มเป็นหวัด ผมจะเป็นเรื้อรัง ไม่รู้จักหาย กินยาก็พอทุเรา แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น บางครั้งก็เป็นหนักบ้าง เบาบ้างสลับกันไป อาการพวกนี้มันน่ารำคาญมาก ผมก็เลยค้นหาในอินเตอร์ตามกระทู้ต่างๆ พบว่าคนที่วิ่งได้ทุกๆวัน จะไม่มีโรคต่างๆ และร่างกายจะแข็งแรง เป็นต้นเหตุให้ผมตัดสินใจวิ่งขึ้นมา
เริ่มจากปี 58 ผมวิ่งรอบโรงเรียนระยะสั้นๆ เวลากลับไปบ้านที่ขอนแก่นผมก็วิ่งรอบโรงเรียนขามแก่นด้วยระยะสั้นๆ วิ่งคนเดียว ตั้งเป้าหมายการวิ่งที่ 2 รอบก่อน เมื่อวิ่งได้แล้วค่อยเป็น 3 รอบ 5 รอบ และ 10 รอบตามลำดับ ผมจะพยายามวิ่งให้ได้จำนวนรอบที่ต้องการโดยไม่พัก ใช้เวลาหลายเดือนนะครับกว่าจะได้ 10 รอบนี่ก็ไม่ธรรมดา
เมื่อปี 59 ผมตัดสินใจซื้อรองเท้า Nike สำหรับวิ่งโดยเฉพาะ 4000 กว่าบาท แต่ชุดวิ่งผมไม่ซื้อนะครับ เอาแบบชุดธรรมดาที่ใส่ที่บ้านนี่แหละ ผมจะพยายามวิ่งทุกวัน ถ้าวันไหนติดธุระจริงๆ ถึงจะไม่วิ่ง บางสัปดาห์ก็ขี้เกียจมากก็วิ่งสัก 3 วัน
ทุกๆ วันที่วิ่ง ผมไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเซลฟีตัวเองลงสถานะเฟสบุ๊กเลยครับ เป็นเพราะตอนวิ่งผมจะไม่ติดอุปกรณ์อะไรไปเลย จะไปตัวเปล่าๆ
ตอนปี 59 ผมเริ่มวิ่งได้มากขึ้น อาการต่างๆที่ว่ามา ก็เริ่มหาย เช่น เป็นภูมิแพ้ นี่แทบไม่เห็นเลย เป็นหวัดก็ไม่เป็นเลย สุขภาพกายดีขึ้นมาก ระบบภายในร่างกายดีขึ้นตามลำดับ ปัจจุบันผมคิดว่ายาที่ดีที่สุดสำหรับเราก็คือ “การวิ่ง”
โอกาสครั้งแรกก็มาถึง
เมื่อวันที่ 3 กรกฏาคม 2559 ผมได้มีโอกาสวิ่งมินิมาราธอน 10.5 km เป็นการวิ่งการกุศล เพื่อซื้อเครื่องช่วยหายในให้น้องในชื่อโครงการว่า “RUN FOR KID” วิ่งเพื่อต่อลมหายใจน้อง ผมสมัครทางออนไลน์ เพื่อร่วมวิ่งที่บึงกสิกรทุ่งสร้าง บรรยากาศน่าตื่นเต้นมาก สำหรับครั้งแรกของผม เห็นนักวิ่งมากมายมารวมตัวกันเพื่อวิ่ง เห็นบุคคลที่เราสนใจในโลกออนไลน์เกี่ยวกับการวิ่งหลายคน และได้ร่วมออกสตาร์ทวิ่งมาราธอนกับเขาสักครั้งในชีวิต
บรรยากาศวันนั้นผมจำได้ดี ทุกคนนับ 5-4-3-2-1 แล้วก็ออกวิ่งไปพร้อมๆกัน มีเด็ก ผู้หญิง คนแก่ คนหนุ่มสาว ครอบครัวออกวิ่งไปพร้อมๆกัน เป็นสายยาว มันน่าตื่นเต้นมาก ผมคิดอยู่ในใจตัวเองว่า ผมจะไม่หยุดพักจนกว่าจะเข้าเส้นชัย ว่าแล้วผมก็วิ่งไปเรื่อยๆ มีตอนหนึ่งที่ผมรู้สึกไม่ไหว มันจุกหน้าอกหลังจากกินน้ำ ผมก็ค่อยๆวิ่งให้ช้าลง แล้วก็รักษาระดับจนกระทั่งวิ่งเข้าเส้นชัยในที่สุด
ใช่แล้วครับ ผมสามารถวิ่งได้ 10.5 km โดยไม่หยุดพัก ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ยังไม่เคยทำ ลองตั้งเป้าหมายดูสิครับ ทำมันให้ได้ แม้ว่าเราจะไม่ใช่ผู้ชนะในกีฬามาราธอน แต่การวิ่งครั้งนี้มันทำให้ผมรู้ว่า ร่างกายผมดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากๆ จากการวิ่งหลายต่อหลายครั้งจนร่างกายพร้อมแล้วค่อยไปวิ่ง แล้วผมก็ทำได้
บทสรุป
ผมอยากจะบอกว่า ร่างกายคนเราหากตอนที่เรายังแข็งแรงอยู่ เราก็ควรรักษามันไว้ให้ดีด้วยการออกกำลังกาย บางครั้งเราเจ็บป่วยบ่อยๆ ร่างกายของเรามันจะฟ้องเราว่า “ออกกำลังกายให้ฉันทีเถอะ” ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากจะวิ่งเพื่อสุขภาพ ก็ขออวยพรให้สำเร็จนะครับ ผมหวังว่าครั้งหน้าในมาราธอน เราจะได้เจอกันครับ
credit image: knonkaen foto gang
Discover more from KruJakkrapong 's Blog
Subscribe to get the latest posts sent to your email.