ผมไม่ได้เขียนบล็อกมานานเลย กลัวลืมความทรงจำดีๆ จากการเดินทาง เลยมาอัปเดตชีวิตช่วงนี้กันสักหน่อยครับ ทริปนี้ผมพาครอบครัวไปเที่ยวจังหวัดชลบุรี อำเภอสัตหีบ การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ขับจากขอนแก่นมุ่งหน้าสู่ชลบุรีเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2568 ช่วงเช้า
วันที่ 1: เส้นทางจากขอนแก่นสู่ทับลาน ปราจีนบุรี
ผมขับรถกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ รักษาความเร็วที่ประมาณ 90 กม.ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วที่ผมชอบ เพราะนอกจากจะปลอดภัยแล้ว ยังได้เห็น ได้เที่ยวไประหว่างทาง เมื่อง่วงหน่อยก็จอดพักกินกาแฟ จอด 7-11 ให้ลูกกินขนมระหว่างทาง สนุกดีครับ
ผมไม่ได้ขับยาวไปจนถึงชลบุรีนะครับ แต่ใช้วิธีการจอดพัก 1 คืนที่ทับลาน จังหวัดปราจีนบุรี พาลูกพักที่โรงแรม Verona ทับลาน โรงแรมสวยมากครับ ดอกไม้ที่ปลูกไว้ประดับโรงแรมสวยงามจริงๆ ห้องพักก็ดี มีมุมนั่งทำงานแบบโต๊ะคอมที่เปิดไฟได้เฉพาะตรงนั้นโดยไม่รบกวนคนที่นอนอยู่ อันนี้โรงแรมทำได้ดีมาก


ช่วงเย็นพาลูกเล่นน้ำในสระว่ายน้ำเล็กๆ ของโรงแรม จากนั้นไปกินข้าวที่ร้านอาหารในปั๊มน้ำมัน ปตท.ทับลาน ซึ่งคึกคักมากเพราะมีคนกำลังเดินทางกลับไปอีสาน รถจอดเต็มทับลานเลยครับ
กิจกรรมที่ทับลาน: ขับรถ ATV
วันต่อมาช่วงเช้า ผมพาลูกขับรถ ATV ซึ่งขับยากพอควรเพราะคอรถแข็งเกินไปและเสียงดังมาก รถคันที่ได้ค่อนข้างเก่าไปนิด เราขับวนสนามม้า 3 รอบโดยมีคนขับนำไป 1 รอบ แล้วให้ผมกับลูกและแฟนนั่งข้างหลังขับไปอีก 2 รอบ ค่าขับ 550 บาท ซึ่งอาจจะไม่คุ้มเท่าไหร่ แต่เพราะลูกอยากนั่ง ก็เลยตามใจสักหน่อย
ที่นั่นยังมีเครื่องเล่นอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น การโหนตัวข้ามไปมา หรือการไต่เชือกต่างๆ แม้ผมไม่ได้เล่น แต่ก็เห็นนักท่องเที่ยวคนอื่นสนุกกันดี หลังจากนั้นเราออกเดินทางสู่จังหวัดชลบุรี
วันที่ 2: เดินทางถึงสัตหีบ เล่นน้ำที่หาดเตยงาม
ระหว่างทางขับรถจากทับลานมาสัตหีบ เห็นรถขากลับไปอีสานต่อคิวกันยาวเหยียดหลายช่วง แต่ถนนฝั่งรถผมโล่งสบาย ขับง่ายมาก แอบสงสารรถที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจริงๆ ว่าจะกลับถึงบ้านกันเมื่อไหร่
ทริปนี้เราไม่ได้ประเมินค่าใช้จ่ายกันไว้ล่วงหน้า ตั้งใจว่าจะกินให้อร่อย นอนให้สบาย แต่ก็ไม่ได้หรูหราอะไรมากนัก แฟนผมจะดูแลเรื่องค่าห้อง ส่วนผมจะดูแลเรื่องอาหารการกิน แฟนจะจองห้องพักไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง ส่วนผมจะหาร้านอาหารอร่อยๆ จากแอป Wongnai โดยเฉพาะเมนู User Choice ครับ
ที่พักคืนที่สองเป็น Hostel ที่แฟนจองผ่าน Agoda โดยเลือกให้ใกล้ทะเล แต่พบปัญหาเล็กน้อยเพราะทางที่พักไม่ได้รวมเด็กในการจอง (จองไว้สำหรับ 2 คน) เมื่อมีเด็กจะคิดเป็น 3 คน แต่เนื่องจากจองไปแล้ว จึงต้องโทรติดต่อขอเปลี่ยนเป็นห้องใหญ่แทน ซึ่งแพงขึ้นเป็นสองพันกว่าบาทสำหรับห้อง 4 เตียง ต้องจอดรถที่วัดหลวงพ่ออี๋ และเดินไปโรงแรมประมาณ 300 เมตร ที่สำคัญไม่มีอาหารเช้าให้ด้วย
เที่ยวหาดเตยงาม สัตหีบ
วันแรกที่สัตหีบ พาลูกไปเล่นน้ำที่หาดเตยงาม ซึ่งอยู่ในการดูแลของทหารเรือ หาดสะอาดมาก มีเวลาเข้าออกหาดชัดเจนคือไม่เกิน 18.00 น. เราไปถึงประมาณ 16.30 น. ได้เล่นน้ำประมาณชั่วโมงครึ่ง เป็นหาดน้ำตื้นๆ คนเยอะมาก มีคลื่นซัดเข้าฝั่งทำให้เล่นน้ำได้สนุกยิ่งขึ้น

หลังหมดเวลาที่หาด เรากลับไปที่ที่พักและหาที่กินข้าวเย็น ผมเลือกร้าน “ใจสั่งมา” ซึ่งเป็น User Choice จากแอป Wongnai อาหารที่นี่อร่อยมากๆ สั่งเพียง 2 อย่างคือ ปลากะพงทอดน้ำปลา (ตัวใหญ่มาก) และปลาอินทรีผัดใส่ชะอม ซึ่งทั้งสองเมนูนี้อร่อยมาก กินกับข้าวสวยร้อนๆ ลูกชายก็กินได้เยอะเหมือนกัน ราคาอาหารขึ้นอยู่กับขนาดของปลา วันนั้นสั่งมาตัวละ 480 บาท ค่อนข้างแพงเพราะปลากะพงตัวใหญ่จริงๆ ร้านนี้ปิด 4 ทุ่ม
วันที่ 3: เยี่ยมชมเรือหลวงจักรีนฤเบศร และกลับไปหาดเตยงาม
เช้าวันนี้ต้องหาอาหารเช้ากินเอง เนื่องจากโฮสเทลไม่มีอาหารเช้า ผมเลือกดูในแอป Wongnai แต่ขับไปหาร้านป้าแดงไม่เจอเพราะหลงเข้าไปในตลาด จึงขับเลยออกไปอีกนิดและเจอร้านต้มเลือดหมูริมทาง ลองสั่งมารับประทาน รสชาติก็ดีทีเดียว
เยี่ยมชมเรือหลวงจักรีนฤเบศร
ไฮไลท์ของทริปนี้คือการพาลูกไปเที่ยวเรือหลวงจักรีนฤเบศร เพราะลูกชอบเรือมาก ชอบดูเรื่องไททานิค ชอบวาดรูปเรือ วันนี้แดดค่อนข้างร้อน ผมเพิ่งรู้ว่าเรือนี้ยังใช้งานได้จริง แม่ค้าร้านต้มเลือดหมูบอกว่าเพิ่งนำเข้าฝั่งหลังออกลาดตระเวนทางทะเล

การเข้าชมเรือหลวงจักรีนฤเบศรไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ทั้งหาดก็เข้าฟรี ชมเรือก็ฟรี ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากเมื่อเทียบกับการไปเที่ยวที่อื่นๆ ที่ต้องเสียค่าเข้าชม
ก่อนเข้าทหารเรือจะขอดูบัตรประชาชนและถามว่ามากี่คน จากนั้นสามารถเข้าไปในเรือได้เลย เริ่มจากห้องโถงใหญ่ แล้วค่อยขึ้นบันไดซึ่งค่อนข้างแคบ ควรใส่รองเท้าผ้าใบมาจะสะดวกกว่า เพราะการขึ้น-ลงบันไดค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะสำหรับเด็กเล็ก
บนเรือมีทางเดินเรียบไปตามด้านข้าง และสุดท้ายขึ้นไปด้านบนซึ่งเป็นลานกว้างสำหรับจอดเครื่องบินหรือแลนดิ้งของเฮลิคอปเตอร์ เราเดินไปถ่ายรูปที่ปลายด้านหนึ่งของเรือ แม้อากาศจะร้อนมาก แต่ก็พกร่มมาใช้บังแดด
กลับไปเล่นน้ำที่หาดเตยงาม
หลังจากกินข้าวเที่ยงที่ร้าน Lullaby ซึ่งมีอาหารครบทั้งคาวหวานในราคาไม่แพง เราเข้าที่พักใหม่ที่ Sea Paradise โรงแรมที่เราชอบมากในทริปนี้ เพราะใกล้ที่ซักผ้า มี 7-11 ติดกับโรงแรม มีอาหารเช้า ที่จอดรถกว้างขวาง และห้องพักสะอาดดี ใช้ WiFi ได้โดยไม่ต้องใส่รหัสผ่าน
ตอนบ่ายเรากลับไปหาดเตยงามอีกรอบ แต่คราวนี้เตรียมตัวดีกว่าเดิม ไม่ต้องขนของไปเยอะ และเตรียมเสื้อผ้าไปอาบน้ำด้วย (ค่าบริการอาบน้ำ 10 บาท) สังเกตว่าที่หาดไม่มีถังขยะกระจายอยู่ทั่วไป ต้องนำไปทิ้งที่จุดเดียวกันหมด ซึ่งทำให้พื้นที่สะอาดและการจัดการขยะดี
มื้อเย็นเรากินที่ร้านซากะนะ ซึ่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น เพราะลูกชอบกินข้าวปั้นมาก อาหารสดใหม่เพราะทำที่เคาน์เตอร์แล้วนำมาเสิร์ฟทันที รสชาติก็ดีครับ
วันที่ 4: เที่ยวเกาะขาม สัตหีบ
เช้าวันนี้เรากินอาหารเช้าที่โรงแรม Sea Paradise มีคนเยอะมาก จนทำไข่ดาวแทบไม่ทัน หลังอาหารเช้า เราไปท่าเรือเพื่อข้ามไปยังเกาะขาม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ประทับใจ เพราะการเดินทางสะดวกและใช้เวลาไม่นาน
การเดินทางไปเกาะขาม
ก่อนนั่งเรือไปเกาะขาม ต้องจอดรถก่อนและนั่งรถสองแถวเข้าไปที่ท่าเรือ ค่าตั๋วผู้ใหญ่คนละ 300 บาท เด็ก 250 บาท ถือว่าไม่แพงสำหรับการข้ามไปเกาะ

พอไปถึงเกาะ บรรยากาศดีมาก มีทางเดินเป็นสะพานไม้เข้าไปยังเกาะ น้ำทะเลใสสะอาด หาดทรายสวย เหมาะกับการถ่ายรูปมาก
กิจกรรมที่เกาะขาม
ที่เกาะขามมีกิจกรรมน่าสนใจหลายอย่าง เช่น พายเรือคายัค (เช่า 30 นาที 60 บาท) ดูแลโดยทหาร มีเสื้อชูชีพให้ฟรี และมีแว่นตาดำน้ำให้เช่าอันละ 50 บาท สำหรับดูปะการัง
ในทะเลมีปลาตัวเล็กๆ ว่ายไปมา และมีแนวปะการังให้ชม แม้การเดินลงน้ำจะลำบากเพราะมีโขดหินแข็งๆ แต่ก็ใช้วิธีลอยตัวแทน ลูกชายชอบดำน้ำมาก ดำผุดดำว่ายไปมา ดูแล้วมีความสุขที่เห็นลูกสนุก

หลังจากเล่นน้ำ เราไปอาบน้ำที่จุดบริการของทหาร ซึ่งใช้เครื่องสูบน้ำ แต่ต้องประหยัดน้ำเพราะความลำบากในการหาน้ำไว้ให้บริการ ที่สำคัญคือห้ามใช้สบู่หรือแชมพู เพราะอาจมีผลกระทบต่อแนวปะการัง
ร้านอาหารที่เกาะเป็นซุ้มๆ มีอาหารหลากหลาย ทั้งยำต่างๆ ผัดกระเพรา ผลไม้ มาม่า และเครื่องดื่ม ลูกกินมาม่าคัพเช่นเคย ส่วนผมสั่งยำมาม่ามากิน ซึ่งอร่อยดีเมื่อกินตอนเหนื่อยๆ

เรากลับจากเกาะประมาณ 14.00 น. โดยเรือลำเดิม ซึ่งวิ่งทุก 30 นาทีจนกว่าคนในเกาะจะหมด ถึงฝั่งใช้เวลาประมาณ 20 นาที จากนั้นต้องต่อรถสองแถวกลับไปที่จอดรถ

วันที่ 4-5: พักที่รอยัล พลา คลิฟ บีช รีสอร์ท และเดินทางกลับ
หลังจากกลับจากเกาะขาม เราเข้าที่พักใหม่ที่ รอยัล พลา คลิฟ บีช รีสอร์ท ได้ห้องชั้น 5 วิวเห็นทะเลสวยงามมาก สมใจคุณภรรยาที่อยากได้วิวทะเล นั่งชิลๆ ลูกชายก็ชอบที่นี่เพราะจะได้เล่นน้ำอีก แต่เนื่องจากวันนี้เล่นน้ำมามากแล้ว จึงงดการเล่นน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นไข้

อาหารทะเลริมหาดพลา
เย็นวันนี้เราไปกินอาหารที่ร้าน “กอสนปูนิ่มซีฟู๊ด” ริมหาดพลา เพราะแฟนอยากกินอาหารทะเลให้สมใจอยาก การไปร้านนี้หลงทางนิดหน่อยเพราะมีหลายแยก แต่เมื่อไปถึงพบว่าลูกค้าเต็มร้าน บรรยากาศริมหาดสวยงาม

เราสั่งอาหาร 3-4 อย่าง เช่น หอยแครงลวก ไก่หมุน ปลาหมึกย่าง แต่ระหว่างรับประทานมีฝนตกหนัก พ่อค้าแม่ค้าวิ่งวุ่นช่วยกันกางร่มเพิ่มให้ลูกค้า รูดกันสาดลงมากันฝน ลูกชายวิ่งไปมาเล่นน้ำฝนอย่างสบายใจ สุดท้ายทุกคนเปียกปอนกันหมด แม้จะพยายามใช้ร่มเดินไปที่รถก็ตาม มื้อนี้หมดไป 400 กว่าบาทกับประสบการณ์ฝนตกริมทะเลขณะกินข้าว
วันสุดท้ายและการเดินทางกลับ
เช้าวันสุดท้ายที่สัตหีบ ผมพาลูกไปเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำของรีสอร์ท ซึ่งใหญ่มาก มีทั้งสระตื้นสำหรับเด็กด้านบนและสระสำหรับผู้ใหญ่ด้านล่าง ตอนเช้ามีคนเพียง 3 คนเท่านั้น แต่หลังจากเล่นไปสักพัก คนก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากไม่ได้จองห้องพักพร้อมอาหารเช้า (ซึ่งคิดเพิ่มหัวละ 300 บาท) เราจึงเลือกไปซื้อของกินง่ายๆ จาก 7-11 แทน ได้กล้วยหอม ขนมปัง เต้าหู้ Tofusang และแซนวิชหมูหยองน้ำสลัด แล้วนำมานั่งชิลบนชั้น 5 ดูวิวทะเลสวยๆ ก่อนออกเดินทาง

จากนั้นเราเดินทางกลับ ตั้งใจจะแวะสวนสัตว์เปิดเขาเขียวเพื่อดู “หมูเด้ง” แต่เนื่องจากขับรถผิดทางบนทางด่วน และไม่สามารถย้อนกลับได้ ต้องขับไปอีก 20 กิโลเมตรก่อนจะเจอทางออก จึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเลย
เราขับรถจากชลบุรี ผ่านเส้นทาง 304 มายังปราจีนบุรี เข้าสู่โคราช ถึงประมาณ 5 โมงเย็น และพักที่ B2 Night Market โคราช ซึ่งเป็นโรงแรมเปิดใหม่ ห้องยังมีกลิ่นใหม่ๆ เพิ่งรู้ว่า B2 ย่อมาจากคำว่าบูทีคและบัดเจท ห้องสะอาดดี เป็นสัดส่วน ห้องน้ำและที่อาบน้ำใหญ่ดี ในราคาที่ประหยัด เราพักที่นี่แบบไม่มีอาหารเช้าเช่นเดิม

ตอนเย็นไปทานอาหารที่ตลาดเซฟวันโคราช ซึ่งมีอาหารให้เลือกเยอะมาก และมีที่นั่งกินเหลือเฟือ สำหรับมื้อนี้ ผมได้ไก่อบน้ำผึ้งให้ลูก พร้อมหมูสะเต๊ะ ข้าวโพดต้ม และถั่วต้ม จริงๆ แล้วเราตั้งใจจะไปร้าน “ครัวสุวิมล” ซึ่งได้รับ User’s Choice จากแอป Wongnai แต่โชคไม่ดีที่ร้านปิดช่วงสงกรานต์ แม้ในแอปจะบอกว่าเปิด
วันที่ 5: เดินทางกลับขอนแก่น
ตื่นเช้าวันสุดท้าย เราไปกินข้าวเช้าที่ร้าน “โก ปี้ ฮัป” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม ร้านนี้เรากินทั้งขาไปและขากลับ เพราะรสชาติดีและบริการเยี่ยม มีอาหารหลากหลายให้เลือก

ที่ร้านนี้มีวิธีการสั่งอาหารที่แปลกกว่าที่อื่นเล็กน้อย นอกจากเขียนสั่งในใบสั่งอาหารแล้ว หากต้องการสั่งติ่มซำเพิ่มจากตู้ ต้องเอาป้ายไม้เล็กๆ ไปแสดงกับพนักงาน แล้วพวกเขาจะมาเสิร์ฟให้ เวลาคิดเงินก็จะคิดรวมในบิลเดียว สิ่งที่ชอบคือเมนูจะมีจำนวนดาวบอกว่าเมนูไหนเด็ด ทำให้คนมาใหม่รู้ว่าควรสั่งอะไร มื้อนี้หมดไปประมาณ 500 กว่าบาท อิ่มอร่อยทั้งครอบครัว
หลังอาหารเช้า เราเดินทางกลับขอนแก่นเลย โดยผมขับรถควบคุมความเร็วที่ประมาณ 90 กม./ชั่วโมง อาจดูช้าแต่ประหยัดน้ำมันและปลอดภัย เพราะหากควบคุมความเร็วได้ ก็จะควบคุมรถได้ดี เมื่อเจอสถานการณ์คับขันก็สามารถห้ามล้อหรือเปลี่ยนทิศทางได้ทันท่วงที
เราถึงขอนแก่นประมาณเที่ยงและแวะรับแมวชื่อโกโก้ที่ฝากเลี้ยงไว้ เรามีแมวเพศผู้ตัวนี้ และทุกครั้งที่เดินทางไกล ถ้าไม่พาไปด้วย ก็ต้องฝากไว้กับโรงพยาบาลสัตว์เอื้ออารีย์ ค่าบริการวันละ 200 บาท
สรุปทริปเที่ยวสัตหีบกับครอบครัว
สรุปทริปนี้ เราเดินทางตั้งแต่วันที่ 11-16 เมษายน 2568 รวมประมาณ 4 วันเต็มๆ ไม่รวมวันเดินทางไปกลับ โดยใช้วิธีเดินทางค่อยๆ ไป และพักระหว่างทางด้วย
การท่องเที่ยวครั้งนี้ เราต้องปรับแผนระหว่างทางหลายอย่าง หลงทางหลายครั้ง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา บางอย่างเราหลงแล้วก็เก็บเป็นประสบการณ์ในการแก้ปัญหาครั้งต่อไป เรียกว่าไปหาประสบการณ์
บทเรียนจากการเดินทางกับครอบครัว
การเดินทางกับลูกเล็กมีความท้าทายหลายอย่าง บางครั้งต้องเก็บอารมณ์เพราะอารมณ์ของเด็กมักขึ้นๆ ลงๆ ถ้าเราใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ทริปจะดูวุ่นวายและไม่มีความสุข เราต้องคิดว่าการไปเที่ยวครั้งนี้ก็เพื่อความสุขของทุกคน จะไม่เอาใครเป็นที่ตั้ง แต่จะช่วยกันประคับประคองให้ทริปมีความสุขมากที่สุด
แม้เราจะไม่ได้ถ่ายรูปมากมาย (เพราะส่วนใหญ่เราไม่ค่อยได้เปิดดูภาพกันอยู่แล้ว) แต่ระหว่างเที่ยวเราพยายามเก็บโมเมนต์ดีๆ ไว้ในความทรงจำ ทั้งประสบการณ์ดีและไม่ดี เพื่อเป็นความทรงจำของทริปที่จะอยู่กับเรานานแสนนาน
สถานที่แนะนำเมื่อมาเที่ยวสัตหีบกับครอบครัว
- หาดเตยงาม – หาดสะอาด น้ำตื้น เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ไม่มีค่าเข้าชม
- เรือหลวงจักรีนฤเบศร – ไฮไลท์สำหรับเด็กที่ชอบเรือ ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์และเทคโนโลยีทางทะเล ฟรีค่าเข้าชม
- เกาะขาม – ทะเลใส หาดทรายสวย เดินทางสะดวก มีกิจกรรมพายเรือคายัคและดำน้ำดูปะการัง
- ที่พักแนะนำ – Sea Paradise เป็นโรงแรมที่สะดวกสบาย ใกล้ที่ซักผ้า มี 7-11 ติดกับโรงแรม และสะอาด
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับครอบครัวที่กำลังวางแผนเที่ยวสัตหีบ และหวังว่าจะได้พบกันในบทความท่องเที่ยวครั้งต่อไป!
Discover more from KruJakkrapong 's Blog
Subscribe to get the latest posts sent to your email.