แต่ก่อนผมไม่ค่อยได้สนใจเรื่องนี้เท่าไร แทบจะไม่รู้เรื่องเลยล่ะ
แต่หลังจากโดนจับ และเสียค่าปรับ เรื่องภาษีเนี่ย มันก็หลายครั้ง เวลาขับรถกลับบ้าน ถูกจับและปรับประมาณ 400-500 บาท มันก็จะเจ็บจี๊ดๆ อยู่นะ
เวลาเห็นตำรวจ ผมจะรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที แล้วตำรวจก็เดินไปหน้ารถทางด้านซ้าย แล้วเดินกลับมาถามว่า ต่อภาษีรึยังคุณ
ผมก็จะทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็กระวนกระวานค้นในเกะรถเพื่อหา พรบ. หรือ เอกสารอะไรสักอย่างที่พอจะหาได้เพื่อเอามายืนยันกับตำรวจ
ล่าสุด กลับบ้านที่ศรีสะเกษ เป็นบ้านแฟนของผมเอง เกิดอาการหน้าหล่า เมื่อตำรวจบอกว่า ภาษีหมดอายุแล้วนะคุณ
สุดท้ายก็ยอมจำนน จ่ายไป 300 บาท
เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากๆ เรื่องต่อภาษีเนี่ย แต่ผมก็ละเลยอยู่ดี ไม่รู้เพราะโง่ หรือ ไม่ค่อยใส่ใจก็ไม่รู้
เอาเป็นว่า ตั้งแต่เขียนบล็อกครั้งนี้ ผมตั้งปณิธานเอาไว้ว่า ผมจะไม่ยอมเสียค่าปรับให้ตำรวจ เรื่องการต่อภาษีอีกต่อไป หากผิดคำตั้งปณิธานแล้วละก็ เหอๆ ผมจะไปผูกคอใต้ต้นมะเขือเทศ หลังบ้านตอนเย็นๆ เลย
เมื่อตั้งปณิธานเอาซะขนาดนี้แล้ว ผมก็ไม่ลังเลที่จะเพิ่มวันเข้าไปในปฎิทินประจำปีเอาไว้เลยว่า ต้นเดือน กุมภาของทุกปี ผมจะไปเสียภาษี
มันก็มีข้อสงสัยตามมาว่า…
เราจะเสียภาษีล่วงหน้าได้สักกี่เดือนกันเชียว
คำตอบคือ
90 วัน ตีออกมาก็ได้ประมาณ 3 เดือนนั่นเอง
เมื่อมันหมดประมาณเดือน กุมภาพันธ์ของทุกปี ดังนั้นผมขอตั้งปฏิทินไว้ที่เดือน มกราคม ปีหน้าเลยแล้วกันครับ
คำว่า “เลื่อนล้อ ต่อภาษี” เป็นคำที่ได้ยินบ่อยครั้งมากๆ จนติดหูเลย ไปวันนี้ ก็หวังจะเลื่อนล้อต่อภาษีนั่นแหละครับ
กว่าจะได้จังหวะ วันดีๆ ก็ยึกยักอยู่นานเลย เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก ไม่ได้ไปสักที กว่าจะไปได้บางครั้งก็เลยวันต่อไปแล้ว จนโดนจับมาก็หลายครั้ง ยังไม่จำอยู่ดี สมน้ำหน้าตัวเองนัก
เมื่อวันนี้เป็นวันดี ผมก็เลยตั้งใจว่า จะใส่ใจมันสักหน่อย ให้มันมีความสำคัญกับเราสักหน่อย กับวัน เลื่อนล้อ ต่อภาษี ให้มันมีความสำคัญเท่าๆ กับวันเกิดประจำปีกันไปเลย ไหนๆ มันก็จะต้องทำทุกปีอยู่แล้วหนิ ก็ยึดเอาเป็นวันสำคัญไปเลยดีกว่า เพราะหลงๆ ลืมๆ มาหลายครั้งหลายคราแล้ว ไม่จดจำสักที
เอาความรู้มาฝากอีกสักนิดดีกว่า
ก่อนจะไปเลื่อนล้อได้ ต้องซื้อ พรบ. ก่อนหนา การซื้อ พรบ. นั้นก็ไม่ยากเย็นอะไร แค่ขับรถไปแถวๆ ขนส่งหรือที่จะไปเลื่อนล้อ จะมีบู๊ตเล็กๆ เขียนคำว่า รับต่อ พรบ. แล้วก็เอาคู่มือให้เขา แค่นี้จริงๆ
หากเล่มนั้นไม่ใช่ชื่อเรา ก็เอาบัตรประชาชนเราให้เขาถ่ายไปด้วย ก็เท่านั้นแหละ
จากนั้นผมก็เข้าคิวเพื่อเลื่อนล้อ กว่าจะเลื่อนไปถึงเจ้าหน้าที่ พอไปถึง แกเปิดๆหน้าสมุดคู่มือ แล้วพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดดังต๊อกแต๊กๆ แล้วหันมายิ้มให้ แล้วบอกว่า ไปตรวจสภาพรถก่อนนะ
แม่เจ้าโว้ย!
แล้วที่ต่อคิวมาตั้งนาน เพื่อ?
ก็รถผมมีอายุ ครบ 7 ปี แล้วนี่ อันนี้ก็เป็นความรู้ใหม่ๆ อีกเพราะยังไม่เคยขับรถเกิน 7 ปีเลย ไม่รู้กะเขาด้วย สักแต่ว่าขับๆ แต่ไม่รู้กฏข้อนี้เลย หรือว่าเคยรู้แต่ไม่ได้จำและใส่ใจไง เลยออกมาเป็นแบบนี้ อันนี้โทษตัวเอง และจะคอยเตือนตัวเองเอาไว้
ที่รู้ก็ได้รู้จาก google นี่เองแหละ เพราะค้นดูว่า รถอายุกี่ปีถึงต้องตรวจสภาพ
ที่ขนส่ง ผมก็ขับวนไป นึกว่าจะมีที่ตรวจสภาพให้พร้อม เหมือนมอเตอร์ไซต์ ที่ไหนได้ เข้าไปถามเขา เขาบอกว่า โน่น ข้างนอก เขาจะเขียนว่า ตรวจสภาพรถ ตรอ. ไปตรวจมาก่อนเลยไป๊
ผมขับรถออกมาจากขนส่ง แบบสงสารตัวเองนิดหนึ่ง ว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลยตรู
ขับไปสักพักก็เห็นร้านที่เขียนไว้ว่า รับตรวจสภาพรถ ตรอ. ขับเข้าไป แป็บหนึ่งมีคนเข้ามารับรถ ขับเข้าไปในช่องตรวจ เปิดไฟ โน่นนี่นั่น บีบแตรปี๊บๆ หมุนล้อนิดหนึ่ง ผมนั่งตรงนั้นแอบตด ยังไม่ทันระเหยหมดเลย เขาก็เรียกบอกว่า พี่ๆ เสร็จแล้วครับ 200 บาท
โอ้ แม่เจ้าโว้ย แถมถามเราอีกด้วยว่า พี่มี พรบ. แล้วหรือยัง เลยตอบไปว่า มีแล้วคร้าบ
จากนั้นขับกลับไปที่ ขนส่งอีกครั้ง เวลาประมาณบ่าย 3 โมงแลงแล้วนะ กลัวๆอยู่ว่าขนส่งจะปิดก่อนมั้ยนี่
ไปครานี้ คิวเยอะกว่าตอนแรกอีก โอ้ย ต้องรอไปอีกนานเลย กว่าจะได้อ่านหนังสือไปหลายหน้าเลย จากนั้น ก็เสียค่าภาษีประจำปีไป 1100 บาท กับอีกเศษนิดๆ ผมจำไม่ได้ เลขหลักสิบกับหลักหน่วยอ่ะนะ
รวมๆ แล้วเสียไป ค่า พรบ 645
ตรวจสภาพ 200
ภาษี 1100
รวมเบ็ดเสร็จ โดยประมาณ 1945 ถ้วน กดเงินออกมา 2000 บาท เกือบไม่พอ 555
จากนั้นก็ขับรถกลับบ้าน แบบกระเป๋าแบนๆ แฟนนั่งข้างๆ พร้อมกับปณิธานว่า ปีหน้านะ ตรูจะไม่เสียเงินให้ตำรวจเป็นแน่แท้…
ปล.1 รถคันนี้ ทะเบียน 1964 หวยเคยออก 64 และ 46 มาแล้ว แต่ซื้อไม่ตรงงวดสักที
ปล.2 รถคันนี้ ออกเมื่อปี 2553 ดังนั้น อายุครบ 7 ปี ส่งงวดสุดท้าย เมื่อไม่กี่เดือนมานี่เอง ผมซื้อแบบไม่ได้ดาวน์ แต่ขอผ่อน 84 เดือน เดือนละ 7500 บาท เท่ากับว่า ซื้อรถคันนี้ราคา 630000 บาท นั่นเอง คิดๆ ไปแล้วก็แพงเอาเรื่องนะ
ปล.3 รถคันนี้ เคลมประกันไปแล้วประมาณ 5 ครั้งได้ ซื้อประกันชั้น 1 ทุกปี ตกปีละประมาณ 15000 บาท รวมแล้วก็ 15000*7 = 105000 บาท
ปล.3 รถคันนี้เป็นเกียร์กระปุก กระจกไฟฟ้า เซนทรัลล็อก และล้อกระทะ ผมเอามาเปลี่ยนล้อแม็กโดยเทิร์นจากล้อเดิมๆ ของมัน ในราคา 13000 บาท
ปล.4 รถคันนี้เคยขึ้นเขาสูงชันมาแล้วหลายครั้ง ตอนขับเป็นใหม่ๆ ไปเพชรบูรณ์ พาคณะไปเที่ยวกันตอนนั้นเสียวมากๆ จำได้จนถึงทุกวันนี้ แต่ไม่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงอะไร มีครั้งหนึ่งขับไปส่งพระ (พี่ยุทธ) ที่อุบล ก้อนหินก้อนใหญ่หล่นลงมาจากรถสิบล้อ หล่นมาใส่ตารถแตก แต่ไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆ ร้ายแรง เพราะเรามากับพระ ล่าสุดมีขนุนอยู่บ้านลูกใหญ่หล่นใส่กระจกแตกเลย ครั้งนั้นซื้อหวยหมดไป 300 บาท ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย
ปล.5 รถคันนี้ เป็นเครื่อง 1500 cc เกียร์กระปุก ทำให้ประหยัดน้ำมันมากๆ ผมขับเติมน้ำมันเฉลี่ยสัปดาห์ละ 500 บาท 1 ปีก็มี 52 สัปดาห์ ตกไปประมาณ ปีละ 26000 บาท ถ้าคิดเป็น 7 ปี ก็เป็น 182000 บาท
ปล.6 แม้ว่าจะไม่ถูกหวยใดๆ แต่ผมก็รักรถคันนี้ เพราะขับแล้วปลอดภัย
รวมค่าใช้จ่ายโดยประมาณทั้งสิ้นดูสิว่า 7 ปี ผมเสียค่าใช้จ่ายไปกับรถประมาณเท่าใด ไม่รวมค่าปรับจากการละเลยภาษีนะคร้าบบบ
ค่ารถ 630000
ค่าภาษี และพรบ.ปีละ 2000 รวม 7 ปี ก็เป็น 14000 บาท
ค่าประกันชั้นหนึ่งรวม 7ปี 105000 บาท
ล้อแม็ก 13000
หวยจากการซื้อทะเลขทะเบียน ประมาณ 1000 บาท
น้ำมันขับ 7 ปี ประมาณ 182000 บาท
รวม (TOTAL) 945000 บาท (อีก55000 จะถึง ล้านแล้วนะ)
อันนี้ผมกะเอาประมาณแบบสุดโต่งไปหน่อย ทั้งที่จริงแล้วอาจไม่หมดขนาดนั้นก็ได้ครับ
Discover more from KruJakkrapong 's Blog
Subscribe to get the latest posts sent to your email.