วันนี้คุณตั้งเป้าหมายรึยัง?
คำถามสุดคลาสสิค “จะปีใหม่แล้ว คุณตั้งเป้าหมายอะไรบ้างรึยังครับ?”
สำหรับผม เป้าหมายของผมสำหรับปีที่ผ่านมา (2560) สำเร็จหลายอย่าง และยังไม่สำเร็จอีกหลายอย่างเลยครับ
สำหรับปีที่จะถึงนี้ (2561) เลยมีเป้าหมายต่อเนื่องจากปีที่แล้วบางส่วน และเกิดขึ้นใหม่อีกบางส่วน
การตั้งเป้าหมายของผมมีที่มาจากหนังสือของคุณบอย วิสูตร ที่ผมติดตามอยู่เสมอ เป็นเจ้าของหนังสือขายดีหลายเล่ม และผมก็อ่านเกือบทุกเล่มแล้ว
การอ่านหนังสือแนวพัฒนาตนเองของผม มีจุดเริ่มต้นมาจากการได้เข้าฟังสัมมนาจากคุณ สุพักตร์ พิบูลย์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2557 ซึ่งโชคดีมากที่แกมาบรรยายให้ฟังถึงโรงเรียน จริงๆแล้วเป็นเรื่องเกี่ยวกับการจัดการชั้นเรียนด้วยซ้ำไป แต่ผมยังติดตราตรึงใจในเรื่องให้ความสำคัญเกี่ยวกับ “การอ่าน” ในครั้งนั้นมาก
ได้จากประโยคเด็ดว่า
“อ่านเยอะๆ แล้วชีวิตจะเปลี่ยน”
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เกือบจะ 4 ปีแล้ว ชีวิตผมเปลี่ยนไปมากจริงๆ เป้าหมายชีวิตชัดเจนขึ้น ไม่เหมือนก่อน
การได้มีโอกาสอ่านหนังสือแนวพัฒนาตนเอง บางคนอาจเห็นว่ามันไร้สาระ และพูดว่าหากไม่ลงมือทำก็ไม่มีทางสำเร็จ คำพูดนี้ผมได้ยินบ่อยครั้งมาก และยังมีข้อสงสัยเดียวกันคือ มันก็แค่แนวพัฒนาตนเอง
มาถึงวันนี้ผมหายเคลือบแคลงใจ และเดินอยู่บนเส้นทางการพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดนิ่ง แม้ว่าผมจะอ่านน้อยลงแล้ว แต่ตะกอนเหล่านั้นก็ยังคงฝังรากลึก รอโอกาสต่างๆที่จะเกิดขึ้นในชีวิต แล้วกระโจนใส่คว้าโอกาสเหล่านั้นไว้
ผมไม่ใช่คนหัวดีนัก การอ่านหนังสือแต่ละเล่มจบ ไม่ได้หมายความว่าผมจำได้หมด บางเล่มผมก็อ่านแล้วอ่านอีกเหมือนกัน
นักเขียนที่เป็นไอดอลของผมมีหลายคนครับ ไม่ว่าจะเป็น บอย วิสูตร หนุ่มเมืองจันท์ คุณอานนทวงศ์ และอื่นๆ ที่ผมจำไม่ได้
การมีนักเขียนในดวงใจนั้นทำให้เราได้หนังสือที่เราอยากอ่าน เช่น การเห็นไอดอลเขียนคำนิยมให้หนังสือเล่มไหน เราก็อยากตามไปอ่านเล่มนั้นครับ
ผมการันตีได้เลยว่า การอ่านเปลี่ยนชีวิตผมไปมากจริงๆ
ผมตั้งเป้าหมายเรื่อง “การอ่าน”
มาดูเรื่องของเป้าหมายกันต่อ หนึ่งในเป้าหมายของผม คือ การอ่าน ครับ ผมตั้งเป้าไว้ว่า จะอ่านหนังสือหรือดูคอร์สสัมมนา ให้ได้อย่างน้อย 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะอ่านหรือฟังก็ได้ แต่ต้องทำให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์หนึ่ง 3 ครั้งครับ เป้าหมายอันนี้ ก็ไม่ได้เคร่งครัดกับตัวเองมากมายนัก
บางสัปดาห์หากวุ่นจริงๆ ก็ทำไม่ถึง แต่เราวัดได้เพราะในแต่ละสัปดาห์ก็จะมองย้อนดูตัวเองอยู่ตลอดว่า เราพัฒนาตนเองได้กี่ครั้งแล้ว
ผมตั้งเป้าหมายเรื่อง “การเขียน” ด้วยนะครับ
การเขียน ก็เช่นเดียวกันครับ เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ผมตั้งเอาไว้ ว่าจะเขียนบทความให้ได้ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 บทความ
การเขียนเป็นทักษะที่ผมต้องฝึกฝนอีกมากทีเดียว มันเป็นเหมือนศิลปะ ที่ออกแบบได้ตามใจชอบ แต่ยากตรงที่ว่าคนอื่นเขาไม่ได้ชอบตามเรานี่แหละ
ผมพยายามเขียนให้อ่านรู้เรื่อง เขียนในสิ่งที่ตนเองรู้ และฝึกการเขียนให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผมมีบล็อกและเว็บไซต์ที่ต้องดูแลประมาณ 4 เว็บครับ ดังนั้นสัปดาห์หนึ่งผมจะพยายามให้ได้ 4 บทความ เพื่อแบ่งไปในแต่ละเว็บให้ได้เว็บละ 1 บทความ หนึ่งในนั้นก็คือเว็บบล็อกประจำตัวผมเอง
ตั้งเป้าหมายเรื่องสุขภาพเอาไว้ด้วย
และยังมีเป้าหมายเรื่องสุขภาพด้วยนะครับ ผมวางแผนเรื่องสุขภาพไว้ คือ ผมชอบการวิ่งครับ แต่ก่อนก็ชอบเตะบอล ตะกร้อ วอลเล่ย์บอล ปิงปอง กีฬาพวกนี้จำเป็นต้องมีคนเล่นด้วย แต่การวิ่ง ไม่จำเป็นครับ การวิ่งเป็นกีฬาที่ทำคนเดียวก็ได้ วิ่งไปเรื่อยๆ
ผมชอบใช้ความคิดเวลาวิ่งครับ ผมชอบหาไอเดียใหม่ๆ เวลาวิ่ง บางทีก็คิดงานไปด้วยขณะวิ่ง
เป้าหมายการวิ่งของผมคือ อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ครับ แต่มีบางสัปดาห์ที่วิ่งไม่ได้เหมือนกัน และที่สำคัญมีบางช่วงผมไม่ได้วิ่งเลย
เหตุผลง่ายๆ คือ ถ้าหยุดวิ่งแล้วจะไม่อยากวิ่ง ไม่รู้เป็นอะไรครับ หากอยุด 1 วัน วันที่สองจะเป็นเหนื่อยๆ และพยายามหาเหตุผลว่าไม่ควรวิ่ง
ผมคิดว่าอาจเป็นเพราะไม่ใช่ passion ของผมจริงๆ เพราะถ้าผมชอบวิ่งจริงๆ ผมต้องออกไปวิ่งได้ทุกวันเหมือนคนอื่นที่เขาทำได้
แต่ไม่เป็นไรครับ จะหยุดๆ บ้างก็คงไม่เป็นไร ดีกว่าไม่ได้วิ่งเลยเนาะ
เป้าหมายเรื่อง ภาษา
ผมเป็นคนหนึ่งที่ตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษ แต่ผม “พูดไม่ได้” ผมคิดไม่ออกว่าเมื่อเจอฝรั่งแล้วจะพูดอย่างไร นี่เป็นปัญหาสำหรับผมมาก
ผมจึงตั้งเป้าหมายเรื่องนี้ไว้ว่า ผมจะท่องศัพท์วันละ 8 คำผ่านแอพพลิเคชัน และจะอ่านบทความภาษาอังกฤษ ฟัง podcast ภาษาอังกฤษ อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์
ตอนนี้เรื่องทักษะภาษาผมขยับขึ้นมานิดหน่อย แต่ถ้าเจอฝรั่งก็พูดไม่ได้เช่นเดิม อาจเป็นเพราะว่าไม่มีโอกาสได้พูดมั้ง เอาแต่ฟังอย่างเดียวก็เบื่อๆ อยู่เหมือนกันนะ
ผมอ่านพอได้ครับ และถ้า chat คุยกับ supplier คนจีนเป็นภาษาอังกฤษก็พอได้ แต่ถ้าให้พูดคงเป็นทักษะที่ต้องฝึกกันอีกเยอะเลย
แต่เป้าหมายนี้จะยังคงเป็นอีกเป้าหมายหนึ่งของผมที่จะยอมแพ้มันไม่ได้ สักวันผมจะพูดให้ได้ครับ
การตั้งเป้าหมายเรื่องการเงินนั้นสำคัญมาก
เป้าหมายเรื่อง “เงิน” นั้นสำคัญมากครับ ผมตั้งเป้าหมายไว้ไกลสักหน่อย แต่จะค่อยๆ ทำให้ไกล้ความจริงให้ได้ เรื่อง เงิน นอกจาก “การเก็บออม” แล้ว ต้องมีการ “หาเพิ่ม” ด้วยครับ ดังนั้นเป้าหมายของผม ไม่ใช่เก็บ เพราะมีให้เก็บน้อยเหลือเกิน
ดังนั้นมาโฟกัสเรื่อง “หาเพิ่ม” จะดีกว่าครับ
ผมตั้งเป้าไว้ว่า เอากลมๆ เลยนะ คือ ปี 2570 คือ หมดหนี้สินทั้งหมด แม้ว่า จะยังมองไม่เห็นทางเท่าไหร่ แต่ผมพอจะเริ่มเห็นแนวทางเป็นรางๆ แล้วครับ ^_^
การหาเงินเพิ่มของผม ตอนเรียนปริญญาตรี ผมจะสอนพิเศษ สอนเยอะมาก ตอนนั้นจำได้ว่า สอนไม่มีอยุด เสาร์ อาทิตย์ก็สอน ตั้งแต่เช้าจนเย็น สอนหลายชั่วโมงเลยครับ
ตอนมาทำงานเป็นครู แรกๆ ก็มีสอนบ้าง แต่หลังๆ มีอย่างอื่นให้ทำก็เลยเลิกสอนแล้วตอนนี้
เหตุผลหลักๆ ที่เลิกสอนพิเศษ คงเป็นเพราะว่า ไม่ได้เงินเป็นกอบเป็นกำสักที มองไม่เห็นตัวเงินสอน และต้องเสียเวลาเสาร์ อาทิตย์ และตอนเย็นอีก รู้สึกตัวเองเหนื่อยก็เลยเลิกสอนไป
งานเสริมของผมคือการขายออนไลน์
งานอย่างอื่นที่ผมทำ คือ “การขายของออนไลน์” ตอนแรกๆ กะจะทำเป็นพ่อค้าคนกลาง รับพรีออเดอร์จากจีนมาไทย ทำไปทำมา กลายเป็นขายปลีกและส่งออนไลน์ทางเว็บไซต์แล้วครับ
ธุรกิจที่ทำก็เป็นขายแฟลชไดร์ฟทางออนไลน์ ผมเริ่มทำมาตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2557 เริ่มหลังจากที่ฟังบรรยายจาก ดร.สุพักตร์ เมื่อสิงหาคม 2557 เดือนแรกที่ทำเว็บไซต์ มีคนเข้าทั้งหมด 285 คนตลอดทั้งเดือนนะ จนปัจุบัน เดือนพฤศจิกายน 2560 มีคนเข้าเว็บไซต์ 32,986 คน
จากนั้นก็พัฒนาเว็บไซต์มาเรื่อยๆ อัพโหลดภาพสินค้าเรื่อยๆ ตอนนั้นยังไม่มีระบบขายผ่านทางเว็บไซต์ เป็นแค่เว็บให้คนเข้ามาติดต่อ ขอใบเสนอราคาธรรมดา
แรกเริ่มเดิมทีเช่าโฮสแบบแชร์โฮส จนปัจจุบันต้องตัดสินใจเช่าแบบรายเดือน VPS จาก rukcom ภายในเว็บมีระบบออกแบบสินค้าเพื่อจะเลเซอร์โลโก้ให้กับลูกค้าด้วย
ผมทำเว็บจาก wordpress ครับ และติดตั้งปลั๊กอินต่างๆ ลงไปเพื่อให้เว็บสามารถขายของออนไลน์ได้ และมีระบบออกแบบสินค้าด้วยซึ่งเป็นปลั๊กอินหนึ่งที่ซื้อมาจาก themforest
ตอนแรกซื้อปลั๊กอินเพื่อออกแบบสินค้ามาติดตั้งปลั๊กอิน ดองไว้เป็นปี เพราะคิดว่าคนคงไม่อยากซื้อผ่านเว็บ และตอนนั้นขายผ่านเฟสบุ๊กเพจ และไลน์แอด ก็ขายดีมากๆ จนวันหนึ่งคิดว่าไม่ไหว เพราะต้องตอบลูกค้าทุกคน ต้องออกแบบให้ลูกค้า รอคอนเฟิมโลโก้ รอโอนเงิน ส่งใบเสร็จ จนสับสนมากๆ ว่าลูกค้าคนไหนทำแล้ว หรือยัง
ปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ส่งของผิดบ้าง จ่าหน้าผิดบ้าง สลับกล่องสินค้า และจิปาถะปัญหาอีกนับไม่ถ้วน การขายสินค้าออนไลน์เป็นอะไรที่ทำยากมากตอนนั้น
จนตัดสินใจกลับมาที่เว็บไซต์ และปลั๊กอินที่เคยทำ พยายามผลักคนเข้าเว็บเพื่อออกแบบออนไลน์ให้ได้ สุดท้ายผมทำสำเร็จครับ
ตอนนี้เกือบ 100% ออกแบบผ่านเว็บหมด เหลือเพียงลูกค้าเก่าบางส่วนที่ต้องการโลโก้เก่า สั่งผ่านเฟสและไลน์เท่านั้น
สำหรับเป้าหมายเรื่องยอดขาย ผมตั้งเป้าหมายไว้ว่า มียอดขายเดือนละ “หนึ่งแสนบาท” ตอนนี้ยังทำไม่ได้นะครับ เฉลี่ยเดือนละ สองหมื่นกว่าบาท
ผมจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะจะพัฒนาตนเองขึ้นไปเรื่อยๆ และมีโปรเจคที่จะทำอีกมากมายเลย
อีกหนึ่งเป้าหมายของผม คือ การทำให้คนเข้าเว็บไซต์ flashdrivedd.com ให้ได้วันละสองพันคนครับ แม้ว่าตอนนี้จะทำไม่ได้ มีสถิติอยู่ที่เฉลี่ยเดือนละพันนิดๆ แต่พอจะมีลู่ทางอยู่บ้างแล้วว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปเพื่อให้คนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั่นหมายถึง ยอดขายก็จะโตขึ้นเรื่อยๆ ตามมานั่นเอง
การทำเว็บขึ้นมาสักเว็บไม่ยากเลยครับ แต่การทำเพื่อให้เว็บเติบโต และมีคนมาดู มาใช้นี่ยากกว่าเยอะเลย ต้องอาศัยความอดทน และเวลาบ่มเพาะอย่างมาก
บทสรุป
- การมีเป้าหมายนั้นดีครับ ทำให้เราวัดผลอะไรบางอย่างได้
- การมีเป้าหมายควรตั้งแล้ววัดผลได้ครับ ไม่ใช่ตั้งลอยๆ เช่น “ฉันระรวย” อย่างนี้ “ไม่ใช่เป้าหมาย” ที่แน่นอน เพราะรวยของแต่ละคนมันแตกต่างกัน
- เป้าหมายข้อสำคัญควรเป็น “เรื่องสุขภาพ ครอบครัว” ต้องมาก่อนเรื่องการงาน และการเงินครับ
- เมื่อตั้งเป้าหมายแล้ว เราก็ต้องหาวิธีการเพื่อไปสู่เป้าหมายของเราในแต่ละเป้าหมาย เช่น การจะออกวิ่งในแต่ละวัน หากเรามีเป้าหมายแล้วว่า 3 วันต่อสัปดาห์ ถ้าสัปดาห์ไหนรู้สึกว่าขี้เกียจจะทำ ก็ให้มองย้อนมาที่เป้าที่ตั้งไว้ คุณจะมีแรงฮึดเพื่อใส่รองเท้าออกไปวิ่งเอง
- เป้าหมายเรื่องการเงิน เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาอย่างมาก อาจเป็นปี สองปี หรือสามปีค่อยจะมองเห็นผล หากเก็บไม่ได้ก็ต้องหาเพิ่มให้ได้ครับ
- การมีอาชีพเดียวเท่ากับไม่มีอาชีพนะครับ เราควรมีอาชีพสำรองเอาไว้
- การตั้งหมายควรเขียนใส่กระดาษแผ่นใหญ่เป็นข้อๆ ติดไว้ในที่มองเห็นทุกๆ วัน แล้วคุณต้องมองมันทุกๆ วันด้วยครับ
Discover more from KruJakkrapong 's Blog
Subscribe to get the latest posts sent to your email.
สุดยอดเลยครับ. …:)
ขอบคุณครับ