KruJakkrapong 's Blog
  • Home
  • Portfolio
  • Blog
  • Shop
  • About
0

Follow us

  • facebook
  • youtube
KruJakkrapong 's Blog
  • Home
  • Portfolio
  • Blog
  • Shop
  • About

Copyright © 2025 — KruJakkrapong 's Blog

Play Pause Unmute Mute

Mean, Median, Mode : ย่อข้อมูลให้เหลือเพียงเลขเดียวด้วยค่ากลาง

Written by จักรพงษ์ แผ่นทอง in Statistics on พฤษภาคม 7, 2025

ย่อโลกทั้งใบให้เหลือแค่ตัวเลขเดียว นี่แหละเสน่ห์ของค่ากลาง!

บทนำ

สวัสดีนักรักตัวเลขทั้งหลาย! เคยสงสัยไหมว่าทำไมเวลาดูข่าวเศรษฐกิจ หรืออ่านงานวิจัย มักจะมีการพูดถึง “ค่าเฉลี่ย” หรือ “ค่ามัธยฐาน” อยู่บ่อยๆ? แล้วทำไมเขาถึงไม่แสดงข้อมูลทั้งหมดเลย?

คำตอบก็คือ… เพราะถ้าแสดงข้อมูลทั้งหมด คงต้องใช้กระดาษยาวจากกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่! (และคงไม่มีใครอ่านจนจบแน่ๆ)

ค่ากลางทางสถิติ (Measures of Central Tendency) จึงเป็นเหมือน “ฮีโร่” ที่ช่วยย่อข้อมูลเป็นร้อยเป็นพันให้เหลือเพียงตัวเลขเดียวที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวของข้อมูลทั้งหมดได้! วันนี้เราจะมารู้จักกับสามพี่น้องตระกูลค่ากลาง ได้แก่ Mean (ค่าเฉลี่ย), Median (มัธยฐาน) และ Mode (ฐานนิยม)

Mean (ค่าเฉลี่ย) – “นายเฉลี่ย จอมยุติธรรม”

Mean หรือค่าเฉลี่ยเลขคณิต เป็นค่ากลางที่คุ้นเคยที่สุด เปรียบเสมือนคนที่ชอบแบ่งทุกอย่างเท่าๆ กัน

นิยาม: ผลรวมของข้อมูลทั้งหมด หารด้วยจำนวนข้อมูล

วิธีคำนวณ Mean

  1. นำข้อมูลทั้งหมดมาบวกกัน
  2. หารด้วยจำนวนข้อมูล

ตัวอย่าง

สมมติว่าเรามีผลสอบของนักเรียน 5 คน: 75, 82, 90, 68, 85

Mean = (75 + 82 + 90 + 68 + 85) ÷ 5 Mean = 400 ÷ 5 Mean = 80

ดังนั้น คะแนนเฉลี่ยของนักเรียน 5 คนนี้คือ 80 คะแนน

ข้อดีของ Mean

  • คำนวณง่าย
  • ใช้ข้อมูลทุกตัวในการคำนวณ
  • เป็นที่เข้าใจกันดีในวงกว้าง

ข้อจำกัดของ Mean

  • ไวต่อค่าผิดปกติ (Outliers) มาก
  • ไม่เหมาะกับข้อมูลที่มีการกระจายตัวแบบเบ้ (Skewed distribution)

มุมมองแบบขำๆ

Mean เหมือนกับการแบ่งบิลอาหารแบบหารเท่ากัน ทั้งที่บางคนกินเยอะกว่า บางคนกินน้อยกว่า แต่สุดท้ายทุกคนก็ต้องจ่ายเท่ากันหมด! (แล้วคนกินน้อยก็จะบ่นว่า “ไม่แฟร์!” )

Median (มัธยฐาน) – “นายกลาง ผู้เป็นธรรม”

Median หรือมัธยฐาน คือค่าที่อยู่ตรงกลางของชุดข้อมูลเมื่อเรียงข้อมูลจากน้อยไปมากแล้ว เปรียบเสมือนคนที่ชอบยืนตรงกลาง ไม่เอียงซ้ายเอียงขวา

นิยาม: ค่าที่อยู่ตำแหน่งกึ่งกลางของข้อมูลที่เรียงลำดับแล้ว

วิธีคำนวณ Median

  1. เรียงข้อมูลจากน้อยไปมาก
  2. หาค่าที่อยู่ตรงกลาง
    • ถ้าจำนวนข้อมูลเป็นเลขคี่: ค่ามัธยฐานคือตัวที่อยู่ตรงกลางพอดี
    • ถ้าจำนวนข้อมูลเป็นเลขคู่: ค่ามัธยฐานคือค่าเฉลี่ยของสองตัวที่อยู่ตรงกลาง

ตัวอย่าง

สมมติว่าเรามีผลสอบของนักเรียน 5 คน: 75, 82, 90, 68, 85

เรียงข้อมูล: 68, 75, 82, 85, 90

เนื่องจากจำนวนข้อมูลเป็นเลขคี่ (5 คน) ค่ามัธยฐานคือตัวที่อยู่ตำแหน่งที่ 3 Median = 82

ถ้าเรามีผลสอบของนักเรียน 6 คน: 75, 82, 90, 68, 85, 77

เรียงข้อมูล: 68, 75, 77, 82, 85, 90

เนื่องจากจำนวนข้อมูลเป็นเลขคู่ (6 คน) ค่ามัธยฐานคือค่าเฉลี่ยของตำแหน่งที่ 3 และ 4 Median = (77 + 82) ÷ 2 = 79.5

ข้อดีของ Median

  • ไม่ไวต่อค่าผิดปกติ (Outliers)
  • เหมาะกับข้อมูลที่มีการกระจายตัวแบบเบ้
  • เป็นตัวแทนที่ดีของ “คนส่วนใหญ่” ในกรณีที่ข้อมูลมีความแตกต่างกันมาก

ข้อจำกัดของ Median

  • คำนวณยากกว่า Mean
  • ไม่ได้ใช้ข้อมูลทุกตัวในการพิจารณา (สนใจแค่ตัวกลางเท่านั้น)

มุมมองแบบขำๆ

Median เหมือนคนที่ยืนเข้าคิวซื้อชานมไข่มุกแล้วได้ยืนตรงกลางพอดี ไม่ต้องรอนานมาก ไม่ได้เร็วมาก พอดีๆ! แต่ถ้าอยู่ๆ มีดาราดังมาต่อคิว แล้วมีแฟนคลับมาต่อคิวเพิ่มอีก 100 คน Median ก็ไม่สน ยังยืนตรงกลางของคิวเหมือนเดิม (ในขณะที่ Mean ต้องเลื่อนตำแหน่งไปไกลมาก)

Mode (ฐานนิยม) – “นายนิยม จอมฮิต”

Mode หรือฐานนิยม คือค่าที่พบบ่อยที่สุดในชุดข้อมูล เปรียบเสมือนคนดังที่มีคนนิยมชมชอบมากที่สุด

นิยาม: ค่าที่ปรากฏบ่อยที่สุดในชุดข้อมูล

วิธีคำนวณ Mode

  1. นับความถี่ของแต่ละค่าในชุดข้อมูล
  2. ค่าที่มีความถี่มากที่สุดคือ Mode

ตัวอย่าง

สมมติว่าเรามีผลสอบของนักเรียน 7 คน: 75, 82, 90, 82, 85, 68, 82

นับความถี่:

  • 68 เกิดขึ้น 1 ครั้ง
  • 75 เกิดขึ้น 1 ครั้ง
  • 82 เกิดขึ้น 3 ครั้ง
  • 85 เกิดขึ้น 1 ครั้ง
  • 90 เกิดขึ้น 1 ครั้ง

ดังนั้น Mode คือ 82 เพราะเกิดขึ้นบ่อยที่สุด (3 ครั้ง)

ในกรณีที่มีหลายค่าที่เกิดขึ้นบ่อยเท่ากัน ก็จะมี Mode หลายตัว เรียกว่า Bimodal (มีสอง Mode) หรือ Multimodal (มีหลาย Mode)

ข้อดีของ Mode

  • ใช้ได้กับข้อมูลทุกประเภท (ทั้งข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ)
  • เป็นค่าจริงที่เกิดขึ้นในชุดข้อมูล (ไม่ใช่ค่าที่คำนวณขึ้นมาใหม่)
  • เหมาะกับการหาค่าที่ “เป็นที่นิยม” จริงๆ

ข้อจำกัดของ Mode

  • อาจไม่มี Mode ในกรณีที่ทุกค่ามีความถี่เท่ากัน
  • อาจมีหลาย Mode ทำให้ไม่ชัดเจนว่าควรเลือกค่าไหน
  • ไม่เหมาะกับการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีการกระจายตัวแบบต่อเนื่อง

มุมมองแบบขำๆ

Mode เหมือนกับเสื้อผ้าแฟชั่นที่กำลังฮิต ไม่สนใจว่าจะแพงหรือถูก ไม่สนใจว่าจะเป็นกลางๆ หรือไม่ แต่ถ้ามีคนใส่เยอะ ก็ถือว่าเป็น Mode! เป็นเหมือนกระแสนิยมที่บางทีก็อธิบายไม่ได้ว่าทำไมถึงฮิต แต่มันก็ฮิต (เหมือนเพลงไวรัลใน TikTok ที่บางทีก็งงว่าทำไมคนถึงชอบกันนักหนา )

เมื่อไหร่ควรใช้อะไร?

นี่คือคำแนะนำง่ายๆ ว่าเมื่อไหร่ควรใช้ค่ากลางแบบไหน:

ใช้ Mean เมื่อ:

  • ข้อมูลมีการกระจายตัวแบบปกติ (Normal distribution)
  • ต้องการคำนวณทางคณิตศาสตร์ต่อไป
  • ไม่มีค่าผิดปกติ (Outliers) ในข้อมูล
  • ตัวอย่าง: คะแนนสอบในห้องเรียนทั่วไป, ส่วนสูงของคนในกลุ่มเดียวกัน

ใช้ Median เมื่อ:

  • ข้อมูลมีการกระจายตัวแบบเบ้ (Skewed distribution)
  • มีค่าผิดปกติ (Outliers) ในข้อมูล
  • ต้องการค่าที่เป็นตัวแทนของ “คนส่วนใหญ่” จริงๆ
  • ตัวอย่าง: รายได้ของประชากร, ราคาบ้าน, เงินเดือนในบริษัท

ใช้ Mode เมื่อ:

  • ต้องการรู้ว่าค่าใดเกิดขึ้นบ่อยที่สุด
  • ข้อมูลเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative data)
  • ตัวอย่าง: สีรถที่ขายดีที่สุด, ไซส์เสื้อที่ลูกค้าซื้อมากที่สุด, คำตอบที่นักเรียนเลือกบ่อยที่สุดในข้อสอบปรนัย

เทคนิคในการจดจำ

Mean, Median, Mode ฉบับไทยๆ

  • Mean = เฉลี่ย (จำง่ายๆ ว่า “เฉลี่ย” มีตัว ฉ ดังนั้น Mean ก็มี eAn)
  • Median = มัธยฐาน (จำง่ายๆ ว่า “Median” และ “มัธยฐาน” ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรเดียวกัน)
  • Mode = ฐานนิยม (จำง่ายๆ ว่า “Mode” คล้ายกับคำว่า “นิยม” เหมือนชื่อเล่นคนไทย)

จำด้วยตำแหน่ง

  • Mean = กลางเลข (ใช้ข้อมูลทุกตัว)
  • Median = กลางตำแหน่ง (อยู่ตรงกลางเมื่อเรียงข้อมูล)
  • Mode = กลางใจคน (เป็นที่นิยมมากที่สุด)

จำด้วยความสัมพันธ์กับอักษรภาษาอังกฤษ

  • Mean เริ่มด้วย M มาจาก Mathematics (เน้นการคำนวณทางคณิตศาสตร์)
  • Median เริ่มด้วย M เหมือนกัน แต่มี id อยู่ตรงกลาง (M-id-ian) เน้นเรื่องตำแหน่งตรงกลาง
  • Mode เริ่มด้วย M เหมือนกัน แต่คล้ายกับคำว่า Model (นางแบบ) ที่เป็นที่นิยม

สรุป

ในโลกของข้อมูลที่มีมากมายมหาศาล ค่ากลางทั้งสาม Mean, Median และ Mode เปรียบเสมือนเครื่องมือวิเศษที่ช่วยย่อข้อมูลให้เหลือเพียงตัวเลขเดียว แต่ยังคงบอกเล่าเรื่องราวของข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • Mean เหมาะกับข้อมูลที่กระจายตัวแบบปกติ ใช้ข้อมูลทุกตัว แต่ไวต่อค่าผิดปกติ
  • Median เหมาะกับข้อมูลที่มีค่าผิดปกติ หรือการกระจายตัวแบบเบ้ เป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่ได้ดี
  • Mode เหมาะกับการหาค่าที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด ใช้ได้กับข้อมูลทุกประเภท

จำไว้ว่า ไม่มีค่ากลางแบบไหนที่ดีที่สุดเสมอไป การเลือกใช้ค่ากลางขึ้นอยู่กับลักษณะของข้อมูลและวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ บางครั้งการใช้ค่ากลางทั้งสามค่าประกอบกันก็จะให้ภาพที่สมบูรณ์ที่สุด!


“สถิติเหมือนบิกินี่ เผยให้เห็นสิ่งที่น่าสนใจ แต่ก็ปกปิดสิ่งที่สำคัญกว่า” – Aaron Levenstein

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine

Like this:

Like Loading...

Related


Discover more from KruJakkrapong 's Blog

Subscribe to get the latest posts sent to your email.

Subscribe

Leave a ReplyCancel reply

ติดต่อ

LineID: @krujakkrapong
โทร.089-942-9565 (เปี๊ยก)

ความเห็นล่าสุด

  • การหาค่าความเชื่อมั่น ของแบบสอบถาม - KruJakkrapong 's Blog บน ค่าความเชื่อมั่นติดลบ จะแก้อย่างไร
  • Anonymous บน ชุดแบบฝึกหัด การบวก ลบ สำหรับซ้อมเพื่อแข่งขัน คิดเลขเร็ว

Blog Stats

  • 1,902,083 hits

3 บทความยอดฮิต

  • การหาค่าความยาก (p) และอำนาจจำแนก (r) ของข้อสอบปรนัย
  • วิธีหาอำนาจจำแนกและค่าความเชื่อมั่นจาก SPSS
  • การหาค่าความเชื่อมั่น ของแบบสอบถาม

Copyright © 2025 — KruJakkrapong 's Blog

Designed by WPZOOM

Discover more from KruJakkrapong 's Blog

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Subscribe

Continue reading

%d