คำว่า “ซวย” อาจเป็นคำไม่ดีในสายตาของหลายคน ถ้ามันเกิดขึ้นกับใครแล้วก็อาจเป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก
แต่ทุกอย่างมันต้องมีปัจจัยใช่ไหมครับ
สำหรับผมก็อาจมีสาเหตุมาจากความทรงจำของผมนั่นเอง ที่แก้ไม่ได้ รวมไปถึงภรรยาของผมด้วย ที่อยู่ด้วยกันไปแล้ว นับวันจะมีอุปนิสัยคล้ายกันไปเรื่อยๆ อาจเรียกได้ว่ามันถ่ายทอดถึงกันได้ นั่นคือ นิสัยลืมเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นั่นเอง
เคยมีเหตุการณ์ ลืมกุญแจ บ้างไหมครับ แบบว่าไม่รู้ตัวเลยว่าเอาไปไว้ไหน แบบนี้เขาอาจเรียกว่า อัลไซเมอร์เลยนะ
ไม่ว่าเขาจะเรียกว่าโรคอะไร แต่เราทั้งสองคน เหมือนจะเป็นโรคนี้เข้าไปเต็มๆ เลยล่ะ
เหตุการณ์นี้ เป็นเรื่องที่เกิดแบบซีรี่ย์ หมายถึง เกิดขึ้นแบบต่อเนื่อง หรือพูดง่ายๆ คือ ซ้ำซ้อนนั่นเอง
เริ่มเล่าเลยแล้วกันนะครับ
วันนั้น เราออกไปกินข้าวข้างนอก เราจะต้องปิดกุญแจบ้าน และกุญแจรั้ว ด้วยแม่กุญแจเดียวกัน เหตุผลคือ มันง่าย จะได้มีลูกกุญแจอันเดียว แล้วเปิดง่ายๆ อันนี้เป็นไอเดียของภรรยาผมเอง
หลังจากทำธุระเสร็จวันนั้น เราก็เข้ามาบ้านปกติ ผมจอดรถไว้ห่างจากรั้วบ้านประมาณ 50 เมตรเห็นจะได้ เพื่อให้ภรรยาไปเปิดประตูรั้ว
แต่ ลืมครั้งที่หนึ่ง คือ ภรรยาลืมกุญแจบ้านและกุญแจรั้ว ปกติถ้าค้นหายากๆ จะค้นในกระเป๋าโน่นนี่นั่นก็เจอ แต่วันนี้ไม่ใช่ หาไม่เจอเลย และปกติแล้วมันจะมีกุญแจสำรองติดอยู่กับกุญแจรถของผมอันหนึ่ง
แต่ ลืมครั้งที่สอง คือผมลืมเอากุญแจสำรอง ทำให้เราไม่สามารถเข้าบ้านได้เลยวันนั้น
คราวนี้เรากะจะขับรถไปดูที่ รถคันที่สองที่จอดที่โรงเรียน (เรามีรถสองคัน) แต่สตาร์ทรถเท่าไรก็ไม่ติด คราวนี้ ซวยเลย เพราะรถสตาร์ทไม่ติด เข้าบ้านก็ไม่ได้ จอดรถไว้หน้าบ้านคนที่เขาห้ามจอดอีกต่างหาก (กะว่าจะจอดแป้บเดียว)
เราจึงตัดสินใจ เดินจากบ้าน ไปที่โรงเรียน ประมาณ 4 กิโลเมตรได้ ระหว่างทางก็เจอหมาฝูงหนึ่งที่ทำท่าเหมือนจะกัด เราก็ต้องทำใจดีสู้เสือเข้าไว้ เพราะถ้าโดนหมากัดยิ่งจะซวยกันไปใหญ่เลย
เราเดินถึงโรงเรียน และไปหากุญแจในรถคันนั้น ซึ่งไม่มีเลย หาเท่าไรก็ไม่เจอ เพราะตอนแรกเราขับรถคันนั้นออกไป แล้วไปเปลี่ยนรถก่อนที่มันจะสตาร์ทไม่ติด เราจึงคิดว่ากุญแจมันอยู่รถคันที่จอดโรงเรียน (งงไหม ถ้างง ไม่ต้องสงสัยนะ เพราะคนเขียนยังงงเอง)
ปกติผมจะมีสายจั๊มแบตติดรถไว้เสมอ แต่วันนี้ หาเท่าไรก็ไม่เจอ จำได้ว่า เพื่อนที่โรงเรียนยืมไป แต่ผมลืมทวงถาม ทำให้ไม่มีสายจั๊มแบต เลยไปซื้อสายจั๊มที่ร้านค้าแบบทุกอย่าง 20 บาท ด้วยราคาสายจั๊มแบต 159 บาท
พอขับไปจั๊มแบต ปรากฏว่า ไม่ติด ทำยังไงก็ไม่ติดอีก หน้าบ้านก็ออกมาตะโกนว่าเมื่อไหร่จะเอารถออก
เมื่อไม่ติด ผมจึงตัดสินใจเข็ญรถออกจากที่นั่นไปที่หน้าบ้านตัวเองก่อน
คราวนี้ก็หาทางจะเข้าบ้านให้ได้
พยายามติดต่อสถานที่ที่วันนี้เราไป เช่น กินข้าว ร้านกาแฟ เพราะคิดว่ากุญแจอาจหล่นอยู่ในร้านแล้วเราลืมจะได้ตามไปเอาที่บ้านเขา
แต่ไม่เป็นผลครับ เพราะเขาไม่รับสาย และเฟสไปก็ไม่ตอบ
หนทางสุดท้ายที่จะเข้าบ้านได้ คือ การงัดบ้านครับ
ระหว่างนั้น เราก็ติดต่อให้คนมาเปลี่ยนแบตให้ด้วยครับ
ผมพยายามติดต่อคนที่รับงัดบ้าน เมื่อติดต่อได้ เขาจะถามทันทีว่างัดบ้าน หรือ คอนโด มียามไหม เพราะเป็นเวลากลางคืน (ประมาณ 5 ทุ่ม) เขาไม่รับงัดบ้านหรือทาวเฮ้าท์ครับ
เพราะเขากลัวว่าเราจะเป็นขโมยครับ
ผมติดต่อไป 2-3 ที่ เขาก็ตอบแบบเดียวกันหมด เราก็เลยหมดหวังครับ
ระหว่างนั้น คนเปลี่ยนแบตก็มาพอดีครับ แต่รอบแรก เริดมากครับ คนเปลี่ยนแบต เอาแบตมาผิดไซต์ครับ 5555+ อะไรจะซวยขนาดนั้น
เขาจึงกลับไปเอาแบตอันใหม่มาครับ ซึ่งก็นานอยู่พอควร
เมื่อเปลี่ยนแบตแล้วเสีย 2200 บาท เรียบร้อยแล้ว ในระหว่างที่กุลีกุจอ เดินไปเดินมาอยู่นั้น ผมก็คลำหากุญแจรถ
ปรากฏว่า กุญแจรถผมหายครับ เป็นกุญแจรีโมตด้วยครับ คราวนี้ยิ่งซวยกันไปใหญ่ เพราะเราจำเป็นต้องจอดรถคันนี้ไว้นอกบ้าน หากมีคนหยิบเอากุญแจเราไป ก็สามารถขับรถคันนี้ไปอย่างง่ายดาย
ระหว่างนั้น มีเพื่อนบ้านเป็นป้าคนหนึ่ง แกคงเห็นเราทำธุระอะไรก็ไม่รู้อยู่หน้าบ้านนานแล้ว แกก็ออกมาถามครับ สุดท้ายแกก็ช่วยได้จริงๆ ครับ เพราะแกพาภรรยาผมเดินไปหาช่างที่อยู่ใกล้บ้านเพื่อมาตัดกุญแจออกครับ
แกให้ต่อไฟจากบ้านแกมาเพื่อมาตัดแม่กุญแจ yale อันใหญ่ออกได้ เราจึงเข้าไปในบ้านได้ครับ ต้องขอบคุณเพื่อนบ้านคนนี้อย่างมากที่ช่วยเหลือเราครับ
ปกติในบ้านจะมีกุญแจสำรองอีกอันที่ผมจะติดไว้กะกุญแจรถครับ พอไปหาจริงๆ กลับไม่เจอครับ
ภรรยาผมก็เลยใช้ไม้เด็ด คือ ไปเอากุญแจสำรองอีกอันมา และกุญแจสำรองรถผมที่เพิ่งจะหายไปล่าสุด
เราก็ช่วยกันหาจนดึกพยายามหาแล้วหาอีก ก็ไม่เจอ จนประมาณตีสอง เราหมดหวังแล้ว ก็เลยเข้านอนครับ
รุ่งขึ้น เราจะกลับบ้านที่สกลแล้ว ผมก็เลยตัดสินใจเดินไปดูในรถของภรรยาอีกครั้งปรากฏว่าเห็นกุญแจรีโมตรถของผมครับที่หายไปเมื่อคืน
ดีใจมาก เพราะกุญแจรีโมตถ้าทำใหม่คงหลายพันอยู่
เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับเราในคราวเดียวกัน
ป้ายทะเบียนรถเรา 1964 ครับ แต่เราไม่ชอบเล่นหวยหรอกนะครับ เพราะปีที่แล้ว วันที่ 12 เมษา เช่นกัน ขนุนหล่นใส่หน้ารถผมจนต้องเอามาเคลมแล้วทีนึง มาปีนี้ 12 เมษา อีกเช่นกัน กุญแจบ้านหาย กุญแจรถหาย
เรื่องนี้สอนเราหลายอย่างมากครับ
- เรื่อง สติ ครับ ดูเหมือนเราไม่มีสติเอาซะเลย ทำอะไรก็ลืมๆ กันไปหมด ทั้งสามีและภรรยาครับ
- เรื่อง เพื่อนบ้าน ครับคนหนึ่งตะโกนบอกว่าเมื่อไหรจะเอารถออกจากหน้าบ้านกูว่ะ อีกคนช่วยเหลือหาคนมาช่วยตัดกุญแจ
- เรื่อง เงิน ครับบางทีเรามีเงิน แต่เราก็เข้าบ้านไม่ได้ เพราะไปจ้างใครเขาก็ไม่มา แต่เพื่อนบ้านช่วยเราได้ครับ
- เรื่อง ของเล็กๆน้อยๆ เราต้องใส่ใจ ว่าเราเก็บมันไว้ที่ไหน
- เราควรมีกุญแจสำรอง ตลอดเวลาครับ จะซ่อนไว้ในกระเป๋าอีกใบ หรือในรถเราก็ดีครับ
สงกรานต์ปีนี้ ขอให้ทุกคนสนุกสนาน เดินทางกลับปลอดภัยครับ และสุดท้ายอยากฝากว่า อย่าลืมเก็บกุญแจสำรองไว้ด้วยนะคับ ยามฉุกเฉิน
Discover more from KruJakkrapong 's Blog
Subscribe to get the latest posts sent to your email.